Daikanyama Nakameguro Jiyūgaoka เที่ยว 3 ย่านฮิตใกล้ชิบูย่า

Daikanyama Nakameguro Jiyūgaoka

ไดคังยามะย่านชิคๆใกล้ย่านชิบูย่าเพียงแค่ 1 สถานี โดยใช้สายรถไฟ Tokyu Toyoko เป็นย่านที่ไม่มีห้างสรรพสินค้าแต่เป็น Shop แบรนด์ต่างๆกระจายอยู่ตามตรอกถนนชอปปิ้งและยังมีคาเฟ่และร้านอาหารอีกมากมาย บทความนี้จะพาเที่ยว 3 ย่านเริ่มตั้งแต่ Daikanyama เดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึงย่าน Nakameguro ที่มีแม่น้ำเมกุโระไหลตัดผ่าน รอบๆคลองเป็นต้นซากุระ ช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมทั้งนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟโดยใช้สายโทคิวโทโยโกะนั่งไปสถานี Jiyūgaoka เพื่อไปเดินเล่นและหาร้านอิซากายะเก๋ๆนั่งตอนเย็นกัน

Daikanyama

Daikanyama

เริ่มต้นการเดินทางโดยการนั่งรถไฟสาย Tokyu Toyoko มาลงสถานีไดคังยามะช่วงประมาณ 10 โมง เราเดินไปดูหนังสือที่ร้าน Tsutaya Books ตั้งอยู่ที่ไดคังยามะ T-Site ที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใหญ่ โดยมีร้านหนังสือ Tsutaya เป็นศูนย์กลางและเชื่อมโยงร้านเฉพาะทางเล็กๆหลายร้านเข้าด้วยกัน มีทางเดินที่ร่มรื่นและไม่ได้มีแค่หนังสือแต่ยังมีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ

Tsutaya Books สามารถนั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้หรือโซฟาพร้อมจิบกาแฟ Starbucks และเลือกหนังสือที่ถูกใจได้อย่างไม่เร่งรีบ ที่นี่ยังมีคอนเซียร์จผู้เชี่ยวชาญในแต่ละหมวดหมู่คอยแนะนำหนังสือและสื่ออื่นๆตามความสนใจของเราอีกด้วย

Daikanyama
Daikanyama

พิกัด: Tsutaya Books (Google Map)

เวลาทำการ: 9:00-22:00

ใกล้ๆกันมี The Former Asakura Residence บ้านเก่าอาซากุระ ถูกสร้างขึ้นในปีไทโชที่ 8 (ค.ศ. 1919) โดยคุณโทระจิโร อาซากุระ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานสภาจังหวัดโตเกียวและประธานสภาเขตชิบูยะ

หากได้เข้าไปชมแล้วจะสามารถสัมผัสบรรยากาศของวัฒนธรรมคฤหาสน์ในยุคไทโชผ่านตัวอาคารสองชั้นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมและเดินชมสวนแบบวนรอบ (kaiyu-shiki teien) ซึ่งได้รับการดูแลอย่างประณีต

พิกัด: The Former Asakura Residence (Google Map)

ค่าเข้า: 500 เยน

เวลาทำการ: 10:00-18:00 หยุดวันจันทร์

หากใครที่เป็นสายคาเฟ่ สายอาร์ต อยากดื่มกาแฟพลางชมงานศิลป์ไปด้วย เราแนะนำคาเฟ่ใน Lurf Museum ที่นี่ตกแต่งภายในด้วยงานศิลปะที่หมุนเวียนเรื่อยๆตลอดทั้งปี แถมร้านใช้เฟอร์นิเจอร์วินเทจสไตล์เดนมาร์กจากยุค 1930s พร้อมบรรยากาศแสงไฟนุ่มนวลและเปิดเพลงจากแผ่นเสียง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อมานั่งจิบกาแฟ

Daikanyama
Daikanyama

ที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟจาก “GLITCH COFFEE & ROASTERS” ในย่านจิมโบโช โตเกียว โดย Glitch Coffee ให้ความสำคัญกับกาแฟซิงเกิลออริจินและเลือกใช้การคั่วระดับอ่อนเพื่อดึงเอกลักษณ์ของแหล่งปลูกออกมาให้ชัดเจน

Daikanyama

พิกัด: Lurf Museum Google Map

เวลาทำการ: 11:00-19:00

Nakameguro

หลังจากนั้น เราเดินจากย่านไดคังยามะไปยังย่านนากาเมะกุโระ ใช้เวลาประมาณ 15–20 นาที โดยมีจุดหมายคือร้าน TRAVELER’S FACTORY Nakameguro ระหว่างทางที่เดินก็จะเจอกับคาเฟ่ ร้านขายของมากมาย

ย่านนากาเมะกุโระมีแม่น้ำเมะกุโระ ที่ริม 2 ฝั่งข้างทางเป็นต้นซากุระที่ไฮไลท์จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ถ้าหากไปเดินเล่นช่วงอื่นก็น่าสนใจไม่แพ้กันเพราะเป็นย่านที่เงียบสงบ ตามมุมต่างๆมีคาเฟ่ ร้านอาหารและร้านเสื้อผ้าชิคๆ

Daikanyama

เดินมาอีกฝั่งตรงข้ามคลองเพื่อมุ่งหน้าไปยังร้าน TRAVELER’S FACTORY Nakameguro ร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่รักการเดินทางและชอบจดบันทึก เพราะมีทั้ง TRAVELER’S notebook และเครื่องเขียนที่ออกแบบมาในแนวคิด “ใช้ชีวิตให้เหมือนการเดินทาง”

ภายในร้านมีสินค้าหลากหลาย ทั้งของออริจินัล สมุดโน้ตและของจุกจิกที่คัดสรรจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์และชิ้นส่วนให้เลือกปรับแต่งตามสไตล์ของตัวเองอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คนรักการจดบันทึกไม่ควรพลาดเลย

พิกัด: TRAVELER’S FACTORY Nakameguro (Google Map)

เวลาทำการ: 12:00-20:00 ปิดวันอังคาร

หลังจากที่เดินเที่ยวมาในช่วงครึ่งเช้าแล้วเที่ยงๆบ่ายๆ ก็จะไปหาอะไรกินกัน ร้านอาหารย่านนากาเมะกุโระนั้นมีเยอะมากแต่รอบนี้เราจะพาไปกินสเต๊กหมูชื่อดังร้าน Mallory Pork Steak Naka-meguro

ความพิเศษของสเต๊กหมูร้านนี้คือถูกปรุงด้วยวิธีการทำให้สุกในอุณหภูมิต่ำเพื่อคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อไว้ แล้วจึงนำมาย่างไฟแรงให้ผิวนอกกรอบก่อนเสิร์ฟ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มเนื้อไม่แห้งแข็ง

พิกัด: Mallory Pork Steak Naka-meguro (Google Map)

เวลาทำการ: ช่วงกลางวัน 11:30-15:00, ช่วงเย็น 17:00-22:00

กินมื้อกลางวันแล้วเราจะเดินไปต่อที่คาเฟ่ Onibus Coffee สาขา Nakameguro 3 Chome

Onibus Cofee ที่นากาเมะกุโระนั้นมี 2 สาขา สาขาแรกจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟ เป็นร้านเล็กๆ มี 2 ชั้น ส่วนสาขานี้ร้านจะใหญ่กว่าและค่อนข้างเงียบกว่าเพราะอยู่โซนย่านที่พักอาศัย

พิกัด: Onibus Cofee Nakameguro 3 Chome

เวลาทำการ: ทุกวัน 9:00-18:00

Jiyūgaoka

เมื่อนั่งพักจิบกาแฟให้หายเหนื่อยแล้ว เราจะไปเดินเล่นกันต่อที่ย่าน Jiyūgaoka โดยนั่งรถไฟสายโทคิวโทโยโกะไปลงสถานีจิยูกาโอกะแค่ 10 นาที

ย่าน Jiyūgaoka ก็เป็นอีกย่านที่รวมคาเฟ่และร้านอาหารแต่ที่พิเศษกว่า 2 ย่านที่ผ่านมาคือรอบๆสถานีมีร้านขายของต่างๆค่อนข้างเยอะกว่าและราคาเข้าถึงง่ายกว่า ที่สำคัญมีร้านขายของจุกจิก เครื่องครัวและของตกแต่งบ้านเยอะ เช่นร้าน Dulton

พิกัด: Dulton Jiyugaoka (Google Map)

เวลาทำการ: 11:00-20:00 หยุดวันพฤหัส

หรือว่าใครเป็นสายมูที่จิยูกาโอกะก็มี Jiyūgaoka Kumano-jinja Shrine ศาลเจ้าเล็กๆ ร่มรื่นที่ซ่อนตัวท่ามกลางถนนคนเดิน เป็นศาลเจ้าในพื้นที่และเก่าแก่จะแวะมาไหว้พระขอพรกันก่อนไปเดินเล่นต่อก็ได้

พิกัด: Jiyūgaoka Kumano-jinja Shrine (Google Map)

เวลาทำการ: 9:30-15:30 ปิดวันจันทร์

อีก 1 ร้านที่พลาดไม่ได้สำหรับสายถ่ายรูปคือร้าน Popeye Camera ร้านขายกล้องมือสองมีทั้งกล้องดิจิตอลและกล้องฟิล์มและยังมีฟิล์ม อุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องและบริการล้างฟิล์ม

พิกัด: Popeye Camera (Google Map)

เวลาทำการ: 11:45-19:15 ปิดวันพุธ

เดินเล่นช่วงบ่ายแก่ๆจนได้เวลาที่อิซากายะเปิดแล้ว เราจะพาทุกคนไปอิซากายะเก๋ๆปิดท้าย One day trip กันที่ร้าน Nishoku ชั้นแรกจะเป็นที่นั่งเค้าเตอร์และบาร์สำหรับยืนดื่ม หากใครที่เลือกแบบยืนดื่มก็จะได้ราคาเครื่องดื่มที่ถูกลงมานิดนึงด้วยนะ

ส่วนชั้น 2 จะเป็นโต๊ะสำหรับใครที่อยากนั่งสบายๆ บรรยากาศร้านดี แถมเมนูอาหารและเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย ร้านนี้สั่งเป็นแบบ mobile order สามารถกดแปลอัตโนมัติได้เลย หรือทางร้านก็มีเมนูภาษาอังกฤษให้ในเว็บไซต์ด้วย

เมนูอาหารเริ่มต้นที่ราคา 300 เยน เป็นเมนูกับแกล้มจานเล็กๆ ไปจนถึงเมนูจานหลักที่ราคาประมาณ 1,200-1,300 เยน ส่วนราคาเครื่องดื่มนั้นเริ่มที่ราคา 500 เยน เมนูที่เราแนะนำว่าต้องลองคือ Fried Sweet potato with honey&Gorgonzolla cheese mousse ราคา 700 เยน มันหวานทอดกรอบๆจิ้มกับซอสมูสชีส Gorgonzolla น้ำผึ้งเข้ากันสุดๆ

พิกัด: Nishoku

เวลาทำการ: ทุกวัน 17:00-24:00 เฉพาะวันอาทิตย์ 17:00-23:00

ไปญี่ปุ่นอย่าลืมใช้โค้ดแอด!

รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/ประกัน Sompo 

>>> www.gographjapan.com/category/คูปองส่วนลดญี่ปุ่น/

Facebook
Pinterest
Twitter