SUNQ Pass
SUNQ Pass เราจะพาไปเที่ยวคิวชู 4 วัน ด้วยพาส SUNQ Pass เป็นพาสสำหรับนั่งรถบัสได้ไม่จำกัดรอบคิวชู!! พาสนี้คุ้มมากๆ สำหรับไปเที่ยวเส้นทางที่ต้องไปด้วยรถบัสเท่านั้น ไปด้วยรถไฟไม่ได้ เช่น Kurokawa Onsen ที่ต้องต่อรถบัสไปเท่านั้นหรือไปเที่ยว Beppu จากสนามบินได้เลยไม่ต้องอ้อมเข้าเมืองแบบรถไฟ ถึงเร็วกว่า ซึ่งถ้าวางแผนดีๆ พาสตัวนี้ถือว่าคุ้มต่อการเดินทาง และไปถึงที่เที่ยวต่างๆ ที่ปกติรถไฟไปไม่ถึงนั้นเอง
ไปญี่ปุ่นอย่าลืมใช้โค้ดของ GGJP! รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/ประกัน Sompo >>> www.gographjapan.com/category/คูปองส่วนลดญี่ปุ่น/
แบ่งเป็น 5 แบบตามรูป แบ่งเป็น คิวชูเหนือ 2 วัน / คิวชูเหนือ 2 วัน / คิวชูใต้ 3 วัน / คิวชูทั้งหมด 3 หรือ 4 วัน จะเป็นตั๋วแบบใช้ติดต่อกันเท่านั้น
สถานที่ซื้อ ที่ Ticket Counter สนามบินฟุกุโอกะได้ หรือ ออนไลน์ก็ได้
หรือซื้อตามสถานีรถบัสต่างๆได้ทั่วคิวชู อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sunqpass.jp/en/
พาสจะสามารถใช้กับรถบัสคิวชูได้เกือบทั้งหมด กว่า 2,400 เส้นทาง แบ่งตามประเภทพาส และยังใช้กับเรือเฟอรรี่ต่างๆทั่วคิวชูได้อีกด้วย
อ่านเส้นทางที่ใช้ได้ที่ http://www.sunqpass.jp/english/rosen/
เวลาขึ้นรถบัสให้สังเกตป้ายที่ติดบนรถบัส จะบอกว่าพาสตัวไหนใช้ได้ไม่ได้ ซึ่งบัสเกือบทั้งหมดของคิวชูจะใช้พาสได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องว่าขึ้นได้ไม่ได้เลย
รายละเอียดการใช้งานดูตามนี้เพิ่มเติม https://www.sunqpass.jp/en/reserve/
วิธีขึ้นรถบัสมีสัญลักษณ์ เข้าประตูกลาง อย่างลืมดึงตั๋วตรงประตูมาด้วย ตอนจะลงก็กดกริ่ง เมื่อลงก็แสดงพาสกับคนขับ ใครแบบออนไลน์ก็โชว์มือถือ แค่นั้นแหละ
ส่วนเรื่องการจองรอบรถบัส จะมีสองแบบคือต้องจอง และไม่จอง รถ Highway ต้องจอง ส่วน Local สามารถขึ้นได้เลยไม่ต้องจอง สามารถจองได้ตามศูนย์บริการรถบัสได้เลยเพียงโชว์พาส หรือจะจองออนไลน์ล่วงหน้าผ่าน https://www.atbus-de.com/
แผนการเดินทางสำหรับพาสแบบ 4 วัน
Day 1
- 08.50 Fukuoka Airport
- ซื้อ Sun Q Pass และจองเที่ยวรถบัส
- 11.12 – 13.15 Fukuoka Airport > Beppu (Kitahama)
- เที่ยว บ่อน้ำพุร้อนเบบปุ
- พัก Nishitetsu Resort Inn Beppu
Day 2
- 8.03 – 9.00 Beppu (Kitahama) > Yufuin Bus Terminal
- เที่ยว Yufuin
- 13.50 – 15.25 Yufuin Bus Terminal > Kurokawa Onsen
- พัก Kurokawa Onsen Ikoi Ryokan
Day 3
- 10.35 – 13.01 Kurokawa Onsen > Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal
- เที่ยวตัวเมือง Kumamoto
- พัก Koko hotel Premier
Day 4
- 08.10 – 10.29 Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal > Nishitetsu Tenjin Expressway Bus Terminal
- ฝากกระเป๋าที่ รร. Lyf Tenjin Fukuoka
- 11.20 – 12.54 Nishitetsu Tenjin Expressway Bus Terminal > Karato
- เที่ยวตลาดปลา Karato
- เที่ยว Mojiko
- 15.38 – 17.10 Karato > Nishitetsu Tenjin Expressway Bus Terminal
Day 1 BKK – Fukuoka – Beppu
Don Mueng Bangkok
เราบินด้วยสายการบิน Thai AirAsia บินตรงจากดอนเมืองสู่ฟุกุโอกะ ถึงฟุกุโอกะประมาณ 08.50 เวลากำลังดีทุกอย่างเปิดหมดแล้ว
Fukuoka Airport
เมื่อถึงสนามบินฟุกุโอกะ ออกประตูหลังรับกระเป๋า Bus Ticket Counter จะอยู่ทางด้านซ้าย สามารถซื้อ SUNQ Pass และจองรอบรถบัสได้ทั้งหมด
เมื่อได้พาสแล้ว เราก็จองรถบัสได้เลย ทริปนี้ จนท. บอกจองแค่ ช่วง Fukuoka ไป Beppu พอ ส่วนที่เหลือไม่ต้องจอง ขึ้นได้เลย ให้ง่ายเราควรวางแผนมาล่วงหน้า แล้วให้ จนท.ดูเลย จะไว
เราได้รอบ 11.12 – 13.15 Fukuoka Airport > Beppu (Kitahama) ปลายทางดูดีๆนะ ว่าเรานอน รร.ที่ไหน ใกล้ป้ายอะไร เลือกลงให้ถูก
รถบัสมาถึงแล้วมีสัญลักษณ์บอกชัดเจน
ใช้เวลา 2 ชม.จากสนามบินฟุกุโอกะ ถือว่าเร็วกว่าไปด้วยรถไฟมาก
ที่นั่งมีปลั๊กเสียบ สบาย ดูราคาบัสขาเดียวก็ 3,250 เยน แล้ว ยังไงพาสก็คุ้ม นั่ง 4 เที่ยวก็เกินราคาพาสแล้ว
Beppu
13.15 เราถึงป้าย Beppu (Kitahama) เราพักที่ รร. Nishitetsu Resort Inn Beppu เป็นรร.บิสซิเนสติดกับป้ายรถบัสเลย หรือจริงๆ ใครอยากนอนออนเซนที่เบบปุ ก็จองได้ จะอยู่แถวป้าย Kannawa (ป้ายแถวที่มีบ่อน้ำพุร้อน
เมื่อฝากกระเป๋า เราจะไปโซนบ่อนรกกัน เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามโรงแรม (ป้าย 4) ให้ขึ้นรถบัสที่ป้าย 1 ตามรูป ไปลงป้าย Kannawa
บัส Local ก็ใช้ SUN Q Pass ได้
ถึงป้าย Kannawa ป้ายนี้จะเป็นป้ายย่านบ่อนรก ออนเซนต่างๆ ใครพักออนเซน ก็มักลงป้ายนี้กัน แล้วก็ไปต่อยุฟุอินง่ายด้วย
Jigoku Mushi
เดินไม่ไกลจากป้าย เป็นร้านอาหารนึ่งจากไอบ่อน้ำพุร้อน Jigoku Mushi ก็จะมีพวกซีฟู๊ด หมู เนื้อ ผัก ให้เลือก เวลาสั่งก็ไปกดที่ตู้เอาเบอร์ให้พนักงาน พนักงานก็จะสอนเราว่าทำยังไงบ้าง ให้เราได้ลองนึ่งเอง
Location : https://goo.gl/maps/q9n68gjF1zTEDYJ68
เตานึ่ง มีเบอร์บอกว่าของใคร ใช้เวลานึ่งประมาณ 15 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย
เมนูต่างๆ เราก็กดตามหมายเลขเลย
พนักงานจะเอาของมาให้เรา พร้อมวิธีทำเป็นภาษาอังกฤษ
ไปเข้าเตานึ่ง ที่นี้จะให้เราทำเอง จับเวลา 15 นาทีก็ได้กินแล้ว
อาหารทะเลสดๆ มาแล้ว
Jigoku Onsen
เดินจากร้าน Jigokumushi ไม่ไกลเราก็ไปเที่ยว Jigoku Onsen บ่อนรกทั้ง 8 กัน
บ่อนรกทั้ง 8 บ่อเป็นออนเซ็นน้ำแร่ธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นและแปลกตา เรียกว่าคุณต้องไม่เคยเห็นออนเซ็นประเภทนี้จากที่ไหนมาก่อนแน่ ๆ โดย 6 บ่ออยู่ในเขตคันนะวะ (Kannawa) ประกอบด้วย Umi Jigoku, Oniishibozu Jigoku, Shiraike Jigoku, Kamado Jigoku, Oniyama Jigoku, Yama Jigoku และอีก 2 บ่ออยู่ในเขตชิบะเซะกิ (Shibaseki) ประกอบด้วย Chinoike Jigoku และ Tatsumaki Jigoku
Umi Jigoku เป็นบ่อที่มีสีฟ้าสดใสได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสุดๆ รอบๆ บริเวณนี้มีสวนสวยงามให้แวะชม และมีศาลาสำหรับแช่เท้าอยู่ใกล้ๆ ด้วย บ่อนี้มีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “ทะเลเดือด” เนื่องจากว่าน้ำในบ่อนี้เป็นสีฟ้า เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟสึรุมิ (Mt. Tsurumi) ราว 1,200 ปีที่แล้ว น้ำในบ่อเป็นน้ำสีฟ้าเดือด หรืออีกชื่อคือทะเลสีฟ้าโคบอลต์ โดยมีอุณหภูมิน้ำสูงถึง 98 องศา มีควันลอยเหนือน้ำตลอดเวลา จนบางทีควันเยอะเกินไปแทบจะมองไม่เห็นเลยล่ะค่ะ
Kamado Jigoku หรืออีกชื่อว่า “บ่อกระทะทองแดง” เป็นบ่อสีฟ้าอีกเช่นเคย ในอดีตชาวบ้านเคยใช้ความร้อนของบ่อนี้ในการประกอบอาหาร จึงมีรูปหม้อหุงข้าวและรูปปั้นยักษ์สีแดงไว้เป็นสัญลักษณ์ บริเวณนี้มีทั้งจุดแช่เท้าและจุดจำหน่ายขนมให้ได้แวะพักกันด้วยค่ะ ใครที่หิว ๆ ล่ะก็อย่าลืมลองสั่งไข่ออนเซ็นทานกันดูนะคะ
Chinoike Jigoku เป็นบ่อที่มีน้ำสีแดง สีของน้ำในบ่อเกิดมาจากดินสีแดงที่อยู่บริเวณนั้นถูกน้ำร้อนธรรมชาติทำปฏิกิริยาที่ความร้อนระอุถึง 78 องศา บ่อนี้มีความสวยงาม และแปลกกว่าบ่ออื่น เนื่องจากน้ำและไอน้ำเป็นสีแดงเลือด แน่นอนว่าดูแต่ตามืออย่าต้อง เพราะน้ำมีอุณหภูมิสูงมาก หากเผลอลองแตะล่ะก็เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
Oniishibozu Jigoku เป็นโคลนเดือด จะเห็นฟองน้ำเดือดปุด ๆ ตลอดเวลา โซนนี้จะมีบ่อย่อยอีก 2-3 บ่อ ชื่อบ่อนี้ได้มาจากโคลนที่อยู่ในบ่อเกิดการเดือด โคลนในบ่อมีลักษณะคล้ายน้ำปูนเปียกที่เห็นแล้วหิวน้ำเต้าหู้งาดำมาก
Shiraike Jigoku สำหรับน้ำในบ่อนี้จะมีสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม เห็นสีขาวๆ สวยๆ แบบนี้ แต่อุณหภูมิน้ำนั้นร้อน 95 องศาเลยล่ะค่ะ เมื่อยืนอยู่ใกล้บ่อสามารถรับรู้ได้ถึงความร้อนจากควันและไอที่ลอยขึ้นมา นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบบ่อมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นโดยรอบให้คุณได้เดินชม และที่นี่มีศาลาให้พักชมความงามของสวนไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย
- ค่าเข้าชม : สำหรับบัตรเข้าชมทั้ง 8 บ่อของผู้ใหญ่ราคา 2,100 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลายราคา 1,350 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้นราคา 1,000 เยน และนักเรียนชั้นประถมราคา 900 เยน หากซื้อแยกบ่อจะราคาบ่อละ 400 เยน
- Location :HTTPS://GOO.GL/MAPS/ZBFFQSB5VGLFA2ME8
แล้วเราก็นั่งรถกลับมาที่สถานี Beppu
Mayakashiya
เรามากินร้านเทมปุระไก่ เจ้าดัง อร่อยมาก เนื้อไก่นุ่ม แป้งกรอบ เมืองเบบปุเป็นเมืองที่ดังเรื่องเทมปุระ มีร้านอร่อยๆหลายร้านเลย
Location : https://goo.gl/maps/p38nV6QJ8d6Xj5Vq7
อีกเมนูที่อยากให้ลอง ข้าวหน้าริวกิวด้ง เป็นอาหารท้องถิ่นของแถวนี้ เป็นปลาดิบต่างๆเอาไปหมักกับโชยุ มิริน สาเก งา โรยผักต่างๆ อร่อยมากๆ อยากให้ลอง
Nishitetsu Resort Inn Beppu
โรงแรมบิสซิเนส ทำเลดีสำหรับคนที่ใช้รถบัสเดินทางเป็นหลัก เพราะป้ายจอดหน้า รร. เลย ตรงข้ามก็มีห้างใหญ่ เช้าก็ออกเดินทางต่อได้เลย
Day 2 Beppu-Yufuin-Kurokawa Onsen
Yufuin
เราออกเดินทางตอนเช้าไป Yufuin ซึ่งเราเดินไปหน้าสถานี Beppu มีรถบัสออกรอบแรก 7.37
ซึ่งจริงๆมีรถบัสอีกสายที่ไปได้เหมือนกันและจอดป้ายหน้า รร.เลย คือ Odan bus
รอบรถบัส https://kyushubusbooking.com/highway-bus/kyushu-odan-bus/
เส้นทางระหว่างไป Yufuin
ประมาณ 1 ชม. ก็ถึง Yufuin แล้วไม่ไกล
บัสสำหรับไป Kurokawa Onsen จนท บอกว่าไม่ต้องจอง มีเวลา 13.50 รอบเดียว ห้ามพลาด
ถ้าใครมีกระเป๋าใหญ่เกินกว่าล็อคเกอร์สถานีรถบัสใส่ได้ แนะนำว่ามาตรง Tourist Center อยู่ข้างๆกับสถานีรถไฟ ที่มีที่รับฝากกระเป๋า
แล้วเราก็เดินไปตามถนนเมือง Yufuin เราถึงประมาณเกือบ 9.00 ช่วงเช้าร้านยังไม่ค่อยเปิด เงียบๆอยู่
ถนนโล่งดีจัง
Snoopy Yufuin สาขาใหม่ขยายใหญ่กว่าเดิมมาก มี Snoopy หลายร้านเลย Chocolate , Chaya , Cafe น่าจะเป็นคาเฟ่ Snoopy ใหญ่ที่สุดแล้วมั้ง
Location : https://goo.gl/maps/4m98UTtoQrL8M6JE7
ของเยอะมากกกกกก ไปดูรูปเลย
ใกล้ๆยังมีร้าน Miffy อีก Yufuin นี่เป็นแหล่งรวมร้าน Character จริงๆ มีหลายร้าน
น่ารักไปหมดดดดด
Yufuin Floral Village เป็นจุดที่คนมายุฟุอินแล้วแวะมาถ่ายรูปกัน
เดินจนไปถึงทะเลสาบ Kirin ในสุดของยุฟุอินแล้ว จากนั้นก็เดินย้อนกลับออกมา
Yufu Mabushi “Shin” Yufuin
ถ้ามายุฟุอินแล้ว แนะนำให้มากินร้านข้าวอบหม้อดินร้าน Yufu Mabushi “Shin” ร้านนี้สาขาหลักจะอยู่แถวทะเลสาบ Kirin แต่เรามากินอีกสาขาแถวสถานีรถไฟ ใกล้กับสถานีรถบัสพอดี สะดวกต่อการเดินทางต่อ
Location : https://goo.gl/maps/cjkMYQ4BPRt7sUXW6
มาแล้วแนะนำข้าวอบเนื้อ จะเสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียง และเครื่องปรุงแบบต่างๆ เวลาทานก็ให้ตักแบ่งทาน เป็นหลายๆแบบ กินแบบธรรมดา กินแบบพร้อมเครื่องเคียง กินแบบราดน้ำชุป
ใครไม่ทานเนื้อ ก็มีข้าวอบปลาไหลนะ อร่อย อีกอย่างก็คือไก่ อร่อยเช่นกัน
ร้านอยู่แถวหน้าสถานี ขึ้นไปชั้นสอง
ถึงเวลาเราก็เดินทางต่อไป Kurokawa Onsen
13.50 – 15.25 Yufuin Bus Terminal > Kurokawa Onsen
มีแวะจุดพักระหว่างทางเจอคุมะมงเต็มไปหมด แปลว่าเราเข้าเขตคุมาโมโตะแล้ว
ถึงป้าย Kurokawa Onsen แล้ว มีแค่ 3 เที่ยวต่อวันเท่านั้น ห้ามพลาด (ปัจจุบันไม่แน่ใจเพิ่มรอบหรือยัง)
แล้วคนจากเรียวกังก็มารับเราที่ป้ายรถบัส ตามเวลา
Kurokawa Onsen Ikoi Ryokan
เป็นหนึ่งในออนเซนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคุโรกาวะออนเซน เพราะมีบ่อออนเซนให้แช่ถึง 14 บ่อเลยทีเดียว ซึ่งที่ Kurokawa Onsen คนที่ไม่ได้พักเรียวกัง ก็สามารถมาแช่ออนเซนได้เหมือนกัน จะมีตั๋วออนเซนซื้อได้ที่ Tourist Information แล้วก็ไปเลือกแช่ที่เรียวกังไหนก็ได้ในคุโรกาวะออนเซน แต่ก็ยังมีแบ่งที่เป็นออนเซนสำหรับแขกที่พักเท่านั้นด้วย เพื่อความส่วนตัว และแต่ละบ่อก็มีสรรพคุณต่างกัน เรียกว่าแช่จนฟินอ่ะ
Kurokawa Onsen ได้ชื่อว่าเป็นออนเซนคุณภาพดีอันดับต้นๆของคิวชู น้ำออนเซนมีความใสมาก ดีต่อคนมีบาดแผล หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
สามารถจองออนเซนได้ทาง Website : https://www.ikoi-ryokan.com/english/
หรือจองที่พักอื่นๆใน Kurokawa Onsen : https://www.kurokawaonsen.or.jp/eng_new/
เข้ามาแล้ว พนักงานก็จะแนะนำวิธีใช้ออนเซนแบบต่างๆ ตำแหน่ง แผนที่ เพราะถ้าไม่บอกเดินหลงหาออนเซนไม่เจอแน่ๆ มีเยอะมาก
ไข่ออนเซนหน้าเรียวกัง หยิบแล้วจ่ายเงินในตะกร้าได้เลย
เรียวกังจะมีห้องแบบญี่ปุ่น และห้องแบบตะวันตก
ภายในเรียวกัง แบ่งเป็นห้องแขก แล้วก็จะมีทางไปออนเซนบ่อต่างๆ ต้องจำแผนที่ดีๆนะ เพราะแบ่งเวลา ชาย หญิง ด้วย
ที่นั่งเตาผิงด้านนอก
บ่อออนเซนแบบต่างๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติมาก รูปเราเอาจากเว็บของเรียวกังนะ เข้าไปถ่ายรูปไม่ได้
ออกมาเดินใน Kurokawa Onsen ตัวออนเซนเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ช.ม. ก็ทั่วแล้ว มีร้านอาหาร ร้านขายของชำ บรรยากาศธรรมชาติมาก เราไปในช่วงเดือนตุลาคม จะยังไม่มีการประดับไฟกลม ต้องมาในช่วงฤดูหนาวถึงจะเริ่มประดับกัน
บรรยากาศสวยมากๆ
แน่นอนอยู่ในคุมาโมโตะแล้ว ก็เจอแต่คุมะมง ทุกที่
ไคเซกิของเรียวกัง อาหารประจำฤดูกาล อาหารท้องถิ่น และมีบาซาชิ หรือ ซาซิมิเนื้อม้า ด้วยเป็นอาหารท้องถิ่นของคุมาโมโตะ อาหารเสิร์ฟมาเรื่อยๆ 12 คอร์ส
Day 3 Kurokawa – Kumamoto
ช่วงอาหารเช้า ก็นั่งโต๊ะเดิมที่เรานั่งทานไคเซกิเมื่อคืน อาหารเช้าตามสไตส์ญี่ปุ่น
ออกมาเดินเล่นตอนเช้าจะเห็นคนเดินไปแช่ออนเซนกันบ้างแล้ว
Pâtisserie Roku ร้านชูครีมเจ้าดังของที่นี้ อร่อยมาก แป้งกรอบ ข้างในอัดเต็มไปด้วยครีมรสนุ่ม คนญี่ปุ่นมากินกันแต่เช้า และซื้อกลับเป็นของฝากกันอีกด้วย อร่อยมากๆ
Location : https://goo.gl/maps/M5LdSp26sQyfpm597
เรานัดเวลากับเรียวกังให้ไปส่งที่ป้ายรถบัส เข้าตัวเมือง Kumamoto
10.35 – 13.01 Kurokawa Onsen > Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal
ภายในรถบัส
มีแวะพักที่สถานี Aso แป๊ปหนึ่ง มีรูปปั้นอุซปให้ถ่ายด้วย
ประมาณ 2.30 ชม. ก็ถึง Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal เป็นสถานีรถบัสขนาดใหญ่อยู่ในห้าง Sakuramachi ศูนย์กลางของเมืองคุมาโมโต้ ใกล้ปราสาท ถนนคนเดิน แหล่งช้อป
เราพักที่โรงแรม KOKO Hotel โรงแรมอยู่ใน Sakuramachi เลยสะดวกมากๆ สำหรับคนนั่งรถบัส คือออกจากโรงแรมก็สถานีรถบัสเลย
จากโรงแรมมองเห็นปราสาทคุมาโมโต้ ชัดเจน
ออกมาเดินไปปราสาท ระหว่างทางเจอจุดแวะขายของคุมะมง
Josaien
Josaien เป็นคอมมูนิตี้ที่รวมร้านอาหาร ของฝาก ของดังของคุมาโมโต้ อยู่แถวหน้าปราสาท มาตรงนี้ได้ของกินอร่อยๆ แน่นอน
Location : https://goo.gl/maps/N5gpjmE7DfZ7qLVh6
Yamami Chaya
ถ้ามาถึงคุมาโมโต้แล้ว เมนูอยากแนะนำเลย คือเนื้อวัวแดง เป็นวัวท้องถิ่นของคุมาโมโต้ ข้าวหน้าเนื้อวัวแดงอร่อยมากๆ เนื้อนุ่มรสชาติเข้มข้น ใครทานเนื้อได้มากินเหอะ
Location : https://goo.gl/maps/7eNcPXyKdcoPWzLf9
Kumamoto Castle
ปราสาทคุมาโมโต้ หรือปราสาทอีกาดำ ตอนนี้ได้บูรณะซ่อมแซมเกือบครบแล้วเหลือบางส่วนเท่านั้น แต่ตัวปราสาทเรียบร้อยแล้ว สามารถขึ้นไปด้านบนเป็นจุดชมวิวเมืองคุมาโมโต้
- เวลาเปิดให้บริการ : 8.30 น. – 17.00 น. (เวลาอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
- Location : HTTPS://GOO.GL/MAPS/BDFQTGMS3BMCNQNF7
ตัวปราสาทหลักซ่อมแซมเสร็จหมดแล้ว
ขึ้นได้ถึงชั้นบนสุด มีลิฟท์ขึ้นไปถึงเกือบชั้นบนสุด เดินขึ้นอีกนิดถึงจุดชมวิว ภายในก็มีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวปราสาทคุมาโมโต้
เราออกมาเดินทางในเมืองกันต่อ เราสามารถใช้พาส เดินทางด้วยรถบัสในเมืองได้ทั้งหมด
Monkey D. Luffy statue
ใครเป็นแฟนวันพีช เชื่อว่าอยากพลาดถ่ายรูปปั้นลูฟี่แน่ๆ นั่งบัสจากปราสาทประมาณ 20 นาทีเท่านั้น อยู่หน้าสำนักงานประจำจังหวัด
Location : https://goo.gl/maps/Y5a7XoUgEpCakWy76
Kumamon Square
Kumamon Square เป็นเหมือนออฟฟิศของคุมะมง นั้นเอง มีการแสดงโชว์ ใครอยากเจอตัวคุมะมงต้องมาที่นี้เลย ข้างในมีขายของฝาก มีออฟฟิศคุมะมงให้เข้าไปถ่ายรูปด้วย น่ารักมาก
Location : https://goo.gl/maps/BiVzE1RVVxcN3bMt5
รอบการแสดง แต่ละวันไม่เหมือนกันนะ ปกติก็แสดงประมาณ 15.00 ของทุกวัน หยุดทุกวันอังคาร
น่ารักกกก
Sakuramachi
ห้างใหญ่ของคุมาโมโตะ ข้างในมีของให้ช้อป ของกิน โรงแรม สถานีรถบัส คือเป็นศูนย์กลางของคุมาโมโตะเลยก็ว่าได้ และมี Kumamon Village คุมะมงอยู่ทุกที่จริงๆ ก็ร้านที่มีมุมถ่ายรูปกับคุมะมง ขายของที่ระลึกเหมือนเดิม แต่ที่นี้จะมีของเฉพาะ ที่ขายในร้านนี้เท่านั้นด้วย
Kumamoto Food Stall Village
เป็นตรอกอิซากายะแห่งใหม่ของคุมาโมโต้ ข้างในก็มีร้านอิซากายะแบบต่างๆ หลายสิบร้านตลอดถนน ช่วงเย็นเต็มไปด้วยคนทุกวัน
Location : https://goo.gl/maps/Jqzhv17dLWYibSz8A
Day 4 Kumamoto – Fukuoka – Karato
วันสุดท้ายแล้ว เราออกแต่เช้าเข้าตัวเมือง Fukuoka ลงที่สถานี Tenjin
08.10 – 10.29 Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal > Nishitetsu Tenjin Expressway Bus Terminal
ไปฟุกุโอกะ มาที่ป้ายเลข 7 นะ อันนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจองตั๋วเหมือนเดิม พนักงานบอกใช้พาสเดินขึ้นรถบัสได้เลย โชว์พาสให้คนขับดูพอจบ นั่งได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึง
เมื่อถึงสถานี Tenjin แล้ว เรารีบทำเวลาหน่อย มาฝากกระเป๋าที่โรงแรม Lyf Hotel Fukuoka โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานี Tenjin เดินประมาณ 15 นาทีถึง เรารีบฝากแล้วรีบกลับไปสถานีรถบัส Tenjin เพื่อไปตลาดปลา Karato รอบ 11.20
เรามาดูบรรยากาศ โรงแรม Lyf Hotel Fukuoka (ถ่ายอีกวันนะ ไม่ใช่วันนี้ ต้องรีบไปข้ึนรถบัส)
Lyf Hotel Fukuoka เป็นโรงแรมสไตส์ผสมระหว่างโรงแรมกับโฮสเทล คือเป็นห้อง ทุกห้องมีห้องน้ำส่วนตัว และส่วนกลางมีห้องครัว คาเฟ่ ที่นั่งส่วนกลาง ห้องซักผ้า คือเหมือนโฮสเทลเลย แต่ก็ยังอยู่สบายกว่า มีความเป็นส่วนตัวกว่าในบรรยากาศสบายๆ
Location : https://goo.gl/maps/ZK2FM4L7ZJmawuNc9
มุมคาเฟ่ และบาร์
วิวจากห้องนอน
พื้นที่ครัว มีอุปกรณครบ ใครอยากทำอาหารกินเองก็ทำได้
กลับมาที่สถานีรถบัส Tenjin รีบกลับมาทำเวลา ตอนแรกจะงงๆทางเข้าหน่อยเพราะตอนเรามา ลงใต้ดิน แต่ขาออกจากสถานีอยู่ด้านบนนะ เดินตามป้ายเรื่อยๆ ก็จะเจอทางเข้า ขึ้นบันไดเลื่อนไปเลย เอาให้ง่ายนะ ถาม จนท เลยว่าบัสไป Karato เมือง Shimonoseki อยู่ป้ายเลขอะไร แล้วไปเลย
ทันเวลารถบัสคันนี้จะเขียนปลายทางว่า Shimonoseki เป็นเมืองหนึ่งในจ. Yamaguchi อ๊าวนี่เราออกนอกเขตคิวชูแล้วนิ แต่พาสตัวนี้สามารถใช้ได้ถึงเมือง Shimonoseki เลย เราไปลงที่ตลาดปลา Karato เป็นตลาดปลาใหญ่ของจังหวัด จะเปิดตลาดให้คนเข้าไปแค่ ศุกร์ – อาทิตย์ เท่านั้น
เช็ควันเปิดปิดที่ https://www.karatoichiba.com/calendars/
11.20 – 12.54 Nishitetsu Tenjin Expressway Bus Terminal > Karato
Karato Fish Market, Shimonoseki
เมื่อถึงป้ายรถบัส เราก็เดินข้ามฝั่งมาที่ตลาดปลา Karato เป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ ขึ้นชื่อเรื่องการจับปักเป้า อยู่ตรงข้ามท่าเรือ Mojiko ซึ่งเราสามารถนั่งเรือข้ามมาได้เช่นกัน ตลาดปลาปกติเปิดทุกวันแต่สำหรับให้คนทั่วไปมาได้แค่วัน ศุกร์ – อาทิตย์ ทางตลาดจะมีการตั้งแผงลอยชูชิ ให้คนได้ช้อปปิ้งเลือกกัน ชูชิราคาเริ่มต้นถูกมากๆ เพียงแค่ร้อยกว่าเยน แล้วของสดมาก คำโต มีวัตถุดิบท้องถิ่นก็เยอะ โดนเฉพาะปักเป้าหาทานราคาถูกๆ ได้ที่นี้เลย
เช็ควันเปิดปิดที่ https://www.karatoichiba.com/calendars/
Location : https://goo.gl/maps/EDoRsoSyHHJqvFon7
แผงลอยชูชิอลังการมาก คนญี่ปุ่นมากันเต็ม
วิธีสั่งก็จิ้มๆเลยว่าจะกินอะไร แม่ค้าก็ใส่กล่องนับตังค์ให้เรา
เมื่อเลือกซื้อเสร็จเราก็เดินไปหาที่กิน จะมีโต๊ะอยู่ชั้นสองของตลาด หรือจะเดินออกมาด้านนอกริมทะเลก็ได้ วิวสวยมาก นั่งกินบนพื้นหญ้าเนี่ยแหละ
Akama Shrine
เดินไม่ไกลจากตลาด เราจะเจอศาลเจ้า Akama Shrine เป็นศาลเจ้าประจำตระกูลเฮเคะ สร้างเมื่อปี ค.ศ.1185 อายุ 800 กว่าปี เป็นศาลเจ้าที่สร้างเลียนแบบวังมังกร มีความเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเพื่ออุทิศแก่จักรพรรดิอันโตกุมีอายุเพียง 3 ขวบ ที่เสียชีวิตในช่วงสงคราม ดันโนะอุระ โดยการจมน้ำฆ่าตัวตายไปพร้อมกับตระกูลเฮเคะ แล้วด้วยความเชื่อว่าจะไปยังวังมังกร เลยทำให้สร้างศาลเจ้าเป็นทรงวังมังกรนั้นเอง
จากประตูสีแดงสามารถมองเห็นวิวช่องแคบคันม่อน ภายในศาลเจ้ามีห้องเก็บสะสมสมบัติ อาวุธ ต่างๆ ของตระกูลเฮเคะไว้
Location : https://goo.gl/maps/5QsxnSxCyrTTjNLy5
Kameyama Hachimangu
ศาลเจ้าอยู่ตรงข้ามกับตลาดปลา Karato ก่อสร้างในปี ค.ศ. 859 สร้างอุทิศให้เทพเจ้าฮะจิมัง และจักรพรรดิ ชาวบ้านแถวนี้นิยมมาไหว้ขอพรตั้งแต่อดีต จากตัวศาลเจ้าสามารถมองเห็นวิวทะเลสวยงาม
Location : https://goo.gl/maps/5LUescwcnM5tr81H9
ต่อมาเรามาขึ้นเรือเพื่อข้ามไปฝั่ง Mojiko จะมีตั๋วเรือแบบ One Day Pass 1,000 เยนด้วยนะ สามารถนั่งไปเกาะกันริวได้ เกาะกันริวก็คือเกาะในตำนาน ที่มุชาชินัดดวลกับโคจิโร่นั้นเอง ใครอ่านการ์ตูน หรือชอบญี่ปุ่นน่าจะรู้เรื่องราวชองมุซาชิบ้างแน่ๆ โอเคไหนๆมาแล้ว เราก็นั่งไปเกาะกันริวก่อน
มาถึงเกาะกันริว แล้ว เป็นเกาะเล็กๆ กลางปากน้ำ คือพอมาถึงแล้ว เข้าใจแล้วว่าทำไมโคจิโร่ถึงหงุดหงิด โมโห ที่มุชาชิมาช้า เพราะทั้งเกาะไม่มีอะไรเลย โล่งๆ มีแต่ต้นไม้เล็กๆ ร้อนก็ร้อน ฮาๆ อาจจะเป็นแผนของมุชาชิจริงๆ ที่ทำเป็นมาช้าให้โคจิโร่หงุดหงิด เลยทำให้ชนะโคจิโร่ไป สรุปง่ายๆ ใครอินมุชาชิ ก็มาสักครั้ง ไม่รู้จักก็ข้ามไปจ้า 555
มีเรือที่มุชาชิพายมาด้วย ของจริงหรอ 55
เราอยู่เกาะกันริวไม่นานข้ามฝั่งมาที่ท่าเรือโมจิโกะ
Mojiko
ท่าเรือ Mojiko ในอดีต เคยทำหน้าที่เป็นฐานการค้าขายระหว่างประเทศ และรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในฐานะ 1 ใน 3 ท่าเรือสำคัญแห่งญี่ปุ่นเทียบเคียงกับท่าเรือ Kobe และท่าเรือ Yokohama ทำให้สถาปัตยกรรมและตึกในย่านนั้นเต็มไปด้วยสไตล์ยุโรปอันงดงาม จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองนี้เลย
จุดเด่นของที่นี้คือ สถานีรถไฟ มีความเก่าแก่และคลาสสิคสุด ๆ สร้างตั้งแต่ปี 1914 และเพิ่งได้รับการซ่อมแซมใหม่เมื่อไม่กี่ปีนี่เอง ดีไซน์ของสถานีเป็นเอกลักษณ์ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนซองส์ ซึ่งเค้าโครงส่วนใหญ่ทำจากไม้
Location : HTTPS://GOO.GL/MAPS/FY682KQCE2OKZQ9V8
พอเที่ยว Mojiko เสร็จก็แนะนำว่านั่งเรือกลับไปฝั่ง Karato เพื่อนั่งรถบัสกลับไปฟุกุโอกะ จะมีวิ่งตรงเลยซึ่งสะดวกกว่านั่งบัสจาก Mojiko มากๆ เพราะต้องเปลี่ยนหลายต่อถึงจะถึงฟุกุโอกะ
จบแล้วรีวิว SUNQ Pass 4 วัน เป็นพาสที่น่าสนใจมากๆ ในการมาเที่ยวคิวชู เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลยนะ มาคิวชูแล้วก็มาลองใช้กัน