เที่ยว Oita โออิตะ 3 วัน 2 คืน
Oita (โออิตะ) เราจะแนะนำแผนเที่ยวจังหวัดโออิตะกัน พูดถึงโออิตะกันก่อน อยู่ในภูมิภาคคิวชู หรือใต้สุดของญี่ปุ่น อยู่ทางตะวันออกของฟุกุโอกะ เดินทางมาไม่ยาก ลงสนามบินฟุกุโอกะ แล้วสามารถเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งแผนนี้เราจะแนะนำนั่งรถไฟเที่ยวโออิตะ ด้วย JR North Kyushu Pass 3 วัน
ดูแผนที่คร่าวๆ ที่เที่ยวหลักๆครั้งนี้ ก็อยู่รอบตัวเมือง Oita เราจะไปเมือง Nakatsu, Beppu, Oita, Yufu, Hita
แผนการเดินทาง เที่ยว Oita (โออิตะ) 3 วัน 2 คืน
Day 1
- ถึงสนามบินฟุกุโอกะ ช่วงเช้า
- นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี Hakata
- แลก JR North Kyushu Pass 3 วัน และเริ่มออกเดินทาง
- แวะเมือง Nakatsu กินไก่คาราอาเกะที่เมือง เที่ยวปราสาท เมืองเก่า
- เดินทางต่อด้วยรถไฟ ไปสถานี Beppu
- เข้าพักโรงแรม Hotel Fugetsu Hammond
Day 2
- เที่ยว Hyotan Onsen
- เดินเที่ยวชมบ่อนรก Jigoku Meguri
- ไปเมือง Oita เที่ยว OPAM ทานข้าวกลางวัน
- ไป Umitamago Aquarium
- กลับเมือง Beppu หาของกินช่วงเย็น
- พัก Amanek
Day 3
- ออกไป Yufuin แต่เช้า
- กลางวันไปเมือง Hita
- นั่ง Yufuin กลับ Fukuoka
- จบ ทริปโออิตะ 3 วัน!
Day 1
8.00 เราเดินทางด้วยสายการบิน การบินไทย ลงสนามบินฟุกุโอกะ เวลา 08:00 หรือสายการบินอื่นๆ ThaiAirAsia และ Thaivietjet ก็บินถึงช่วงเช้าเหมือนกัน เพราะงั้นแผนนี้ทำได้หมดทุกสายการบิน
จากสนามบินฟุกุโอกะ ฝั่ง International เราต้องนั่ง Shuttle Bus มาฝั่ง Domestic เพื่อนั่ง Subway ไปลงสถานี Hakata แล้วก็เดินที่ JR Ticket Office เพื่อแลก JR North Kyushu Pass หรือไปแลกที่ตู้อัตโนมัติก็ได้
แลก JR North Kyushu Pass แล้ว เราก็จองตั๋วสำหรับไปลงเมือง Nakatsu กัน คือโดยปกติคนส่วนมากจะเลือกนั่ง Yufuin no Mori ตั้งแต่วันแรกกัน แต่ขาไปมักจองยากมาก ต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน เราเลยเปลี่ยนแผนเป็นจองช่วงขากลับ ซึ่งเรายังสามารถจองได้ที่สถานีเลย ถ้า อีก 3 วัน ยังมีที่ว่าง
หรือจองตั๋วรถไฟง่ายๆ ผ่านตู้อัตโนมัติก็ได้ มีภาษาอังกฤษ จองง่ายมาก
เราจองขบวน Sonic Limited Express ไปลงสถานี Nakatsu รอบ 11.20 หรือใครมาสถานี Hakata เร็วกว่านั้น ก็สามารถจองรอบก่อนหน้าก็ได้ **JR North Kyushu Pass ไม่สามารถจองขบวน Shinkansen ไป Kokura ได้นะ บางทีดูตารางรถไฟอาจเห็นขึ้นว่าเร็วกว่า**
Nakatsu
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราก็จะถึงเมือง Nakatsu ในจ.Oita เมืองแห่งปราสาท 4 ตระกูล และเมืองแห่งไก่คาราอาเกะ อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น!!
เมือง Nakatsu นั่งรถไฟจากฟุกุโอกะประมาณ 1 ชม. เป็นเมืองระหว่างทางไปโออิตะ หรือเบบปุ ถ้าใครชอบกินไก่คาราอาเกะ โออิตะเป็นต้นกำเนิดของไก่คาราอาเกะ แล้วเมือง Nakatsu นี้ห้ามพลาด เพราะเป็นเมืองที่มีร้านเฉพาะทางคาราอาเกะ เยอะมาก มีความอร่อยเป็นพิเศษ เนื้อไก่หมักเครื่องเทศอย่างดี เนื้อไก่ยังนุ่มช่ำ แต่กรอบนอก อร่อยจริงๆ สามารถหาร้านไก่คาราอาเกะ ได้รอบๆสถานีหลายร้านเลย
แล้วยังมีปราสาท Nakatsu ที่มีอายุกว่า 150 ปีปกครองผ่านมือถึง 4 ตระกูลเลยทีเดียว แล้วบริเวณถนนระหว่างปราสาทกับสถานี ก็มีคาเฟ่ดีๆให้แวะเยอะมาก
*ห้ามมาวันจันทร์ เพราะร้านจะปิดจันทร์เกือบหมด
- googlemap : Nakatsu Station https://maps.app.goo.gl/UcR7foPvv1ZWwLpQ8
Chicken House Nakatsu
ร้านที่เรามากิน Chicken House Nakatsu จะอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 1 ก.ม. จริงๆไม่ต้องมาแบบเราก็ได้ มีร้านรอบๆสถานีเยอะมาก แต่เราดันมาวันจันทร์ที่ร้านจะปิดกันหมด มีร้านหนึ่งเปิดอยู่ แต่ห่างไป 1 ก.ม แต่ร้าน Chicken House Nakatsu ก็ถือว่าเป็นร้านเก่าแก่ของเมือง เปิดมาหลายสิบปีแล้ว
ทำไมต้องมากิน ไก่ทอดคาราอาเกะ ที่เมือง Nakatsu เพราะว่าเมืองนี้มีร้านขายเฉพาะคาราอาเกะมากที่สุดในญี่ปุ่น คือมีความเฉพาะทางคาราอาเกะมากๆ มีสูตรเฉพาะของตัวเอง ไก่ทอดคาราอาเกะสูตรเมือง Nakatsu เนี่ยหมักไก่อย่างดีเครื่องเทศหลายอย่าง ทอดได้กรอบมากๆ แต่ตัวเนื้อไก่ไม่แห้งเลย เนื้อยังนุ่มช่ำ อร่อยมาก ใครชอบกินไก่คาราอาเกะ ไมผิดหวังแน่นอน
- googlemap : https://goo.gl/maps/y6JJDGoDDtrWpcgf7
เราสั่งแบบเซตคาราอาเกะ 900 เยน มีไก่คาราอาเกะส่วนต่างๆ พร้อมข้าว ซุป สลัด และมีหัวใจไก่คาราอาเกะด้วยอร่อย
Nakatsu Castle
ปราสาทหลักเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา เพราะเคยเป็นที่อาศัยของผู้ปกครองเมืองถึง 4 ตระกูล คือ ตระกูล Kuroda, ตระกูล Hosokawa, ตระกูล Ogasawara และตระกูล Okudaira ที่ปกครองเมืองแห่งนี้มายาวนานถึง 155 ปีเลยทีเดียว ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1587
ตัวปราสาทสร้างขึ้นมาใหม่ เพราะของดั้งเดิมได้ถูกทำลายไป แต่ยังสร้างตามแบบดั้งเดิมอยู่ ภายในมีทั้งหมด 6 ชั้น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมชุดเกราะ ดาบ ชุดนักรบ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และชั้นบนสุดยังสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 150 เยน
- เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00
- googlemap : https://goo.gl/maps/ZLX9bxEKQPeNfQ2PA
เรานั่งแท็กซี่จากร้านคาราอาเกะมาเลย หรือจริงๆ ใครมาจากแถวสถานี ก็เดินมาชิลๆ แค่กิโลเดียวก็ได้
มีศาลเจ้าอยู่หน้าปราสาท
เรามาช่วงปลาย ก.พ. จะมีดอกบ๊วยบานอยู่ด้วย
ภายในปราสาทเก็บรวบรวมชุดเกราะ ดาบ ชุดนักรบ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ด้านบนสุดมองเห็นวิวเมือง Nakatsu แบบ 360 องศา
เดินจากปราสาทกลับมาที่สถานี ระหว่างทางที่นี้จะเป็นย่านเมืองเก่า มีบ้านเรือนสวยๆ อยู่เต็ม มีพิพิธภัณฑ์ต่างๆมากมาย แต่เรามาวันจันทร์ ทุกที่เลยปิดหมด คาเฟ่ก็ปิดเช่นกัน.. เปิดไม่กี่แห่ง
TOCOMA coffee & meal
เมือง Nakatsu เต็มไปด้วยคาเฟ่เยอะแยะไปหมด ร้าน TOCOMA coffee & meal อยู่ไม่ไกลจากปราสาท บรรยากาศน่ารัก และขนมอร่อย ของดังคือพุดดิ้งชาเขียวเข้มข้นมากเลย
- googlemap : https://goo.gl/maps/2nPBm7wECwz6e3peA
เรามาขึ้นขบวน Sonic ต่อเวลา 15:41 เพื่อไปเมือง Beppu ถึงเวลา 16:26
Beppu
Beppu (เบบปุ) เมืองแห่งออนเซน ของ จ.โออิตะ เป็นเมืองออนเซนชื่อดังเก่าแก่มานานของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีบ่อน้ำร้อนจากธรรมชาติมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นควันกำมะถันจากบ่อน้ำพุร้อนอยู่เต็มไปหมด และจิโกกุออนเซ็น ทัวร์บ่อนรก นี่ล่ะเป็นจุดขายของที่นี่เลย
- googlemap : https://goo.gl/maps/JEmvKGLNc88ETisXA
Kannawa
เรามาย่าน Kannawa ด้วยรถบัสจากหน้าสถานี Beppu ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตรง Kannawa คือจุดรวมออนเซนมากที่สุดใน Beppu นั้นเอง มีเรียวกัง ออนเซน และ จิโกกุออนเซ็น ทัวร์บ่อนรก ก็อยู่ ณ แถวนี้ด้วย
- googlemap : https://goo.gl/maps/8LHyyQHkbrykVi3d6
ย่าน Kannawa เดินไปเข้าไปจะมีร้านอาหาร คาเฟ่ เรียวกัง ตลอดทาง ร้านอาหารที่แนะนำ จะเป็นพวก Jigoku Mushi อาหารนึ่งที่ทำจากไอน้ำร้อนออนเซน
เมืองน่ารักเดินได้ชิลๆ
บรรยากาศดีเนอะ
มีเซโตะ ออนเซนสาธารณะ มีซาวน่าขาด้วย ใช้ได้ฟรีๆ
Hotel Fugetsu Hammond
โรงแรมที่เราพักคืนนี้ Hotel Fugetsu Hammond ของเครือ Yukai เป็นโรงแรมออนเซนแนวครอบครัว ขนาดใหญ่ มีบ่อ ออนเซนใหญ่ และบุฟเฟ่ต์!! เดินจากป้ายรถเมล์ Kannawa ไม่ไกล ก็ถึงแล้ว ใครขับรถเที่ยวเองก็เหมาะ ที่จอดเยอะมาก
ออนเซนจะมี 3 บ่อหลักๆ คือ บ่อออนเซนของโรงแรม บ่อกลางแจ้งดาดฟ้าต้องใส่ชุดว่ายน้ำนะ ทาง รร.มีขายด้วย แล้วก็บ่อแบบสาธารณะขนาดใหญ่ ที่คนนอกโรงแรมก็สามารถแช่ได้
- googlemap : https://goo.gl/maps/grXamqoGY1eAegmw9
ด้านหน้าล๊อบบี้
มีออนเซนทรายสำหรับแช่เท้าด้วย
ภายในห้องพัก จะมีทั้งแบบญี่ปุ่นและตะวันตก เรานอนแบบญี่ปุ่น นอนกับฟูก ห้องใหญใช้ได้เลย มองเห็นวิวเมืองออกไปทะเล ช่วงพระอาทิตย์ตกสวย ภายในมีห้องน้ำครบ
ตอนกลางคืนก็สวย มองไฟเมืองชิลๆ
บ่อออนเซนของโรงแรมเฉพาะแขกเท่านั้น จะเป็นในร่มอย่างเดียว
บ่อออนเซน ที่ดาดฟ้าของโรงแรม มองเห็นวิวเมืองเบบปุ ต้องใส่ชุดว่ายน้ำลงนะ
Yumetamatebako บ่อออนเซนที่คนนอกโรงแรมใช้ได้ บ่อใหญ่ มีกลางแจ้ง และซาวน่า
ไฮไลท์เลยคือบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม มีอาหารให้เลือกเยอะมาก โดยอาหารท้องถิ่น มีอาหารแบบหม้อนึ่ง ชูชิ เนื้อ bungo เนื้อท้องถิ่นของโออิตะ แล้วเมนูไก่หลายสิบเมนูของดังของโออิตะ ของหวาน เครื่องดื่มครบ รวมในบุฟเฟ่ต์หมดแล้ว ยกเว้นแอลกอฮอล์ต้องจ่ายแยก แล้วก็มีเมนูขาปู ด้วย แต่ต้องจองล่วงหน้ามาต่างหาก
Day 2
Beppu
อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์เหมือนเดิม แต่อาหารเปลี่ยน มีของกินให้เลือกเยอะ เมนูท้องถิ่นเยอะ ดีมากๆ
ไข่ออนเซน
อยากแนะนำอาหารท้องถิ่น ดังโกะจิรุ แป้งเส้นๆใส่น้ำซุปมิโซะ อร่อย แล้วก็ริวกิว เป็นปลาหมักกับโชยุ มิโซะ งา อร่อย
Hyoton Onsen
Hyotan Onsen ออนเซนแนะนำสำหรับคนไม่ได้พักที่เบบปุ แต่อยากแช่ออนเซน หรือพักแล้วอยากบ่อออนเซนใหญ่ๆดีๆ มีหลายบ่อให้แช่ มีบ่อทรายด้วย Hyoton อยู่ติดกับ Hotel Fugetsu Hammond เลย
มีทั้งแบบบ่อส่วนตัว บ่อทราย บ่อรวม บ่อกลางแจ้งให้แช่หลายบ่อ ดีมากๆ แล้วยังมีพวกของกินพร้อมอีก คือมาที่นี้แค่ชอบแช่ออนเซน ฟินมาก! มีบ่อหลายแบบให้แช่
และบ่อส่วนตัวดีมากๆ คือเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกครั้งที่มีคนใช้เสร็จ เทน้ำออก แล้วมีลูกค้าใหม่ถึงเติมน้ำ
- ค่าเข้า 860 เยน
- ค่าบ่อทราย 640 เยน
- ค่าบ่อส่วนตัว 2,400 เยน เข้าได้สูงสุด 3 คน
- เปิด 9.00-1.00
- Googlemap : https://maps.app.goo.gl/aF2J6WzMCNuKecbi6
**เราเข้าไปถ่ายก่อนเวลาทำการนะ เข้าไปถ่ายตอนเช้าที่เขากำลังทำความสะอาดอยู่เลย งานหนักมาก ที่นี้ล้างบ่อออนเซนทุกวันนะ! ไม่ต้องห่วง
บ่อทรายเป็นแบบ Self Service ขุดเอง กลบเอง ก็สนุกไปอีกแบบ แช่เสร็จก็ทะลุไปห้องออนเซนได้เลย ล้างตัว
บ่อฝั่งผู้ชาย มีหลายบ่อมาก เป็นสิบ มีซาวน่า บ่อกลางแจ้ง บ่อน้ำตก คืออยู่ได้ทั้งวันอ่ะ
บ่อออนเซนฝั่งผู้หญิง มีหลายสิบบ่อเหมือนฝั่งผู้ชายเลย ใหญ่มาก
แล้วก็มีบ่อแบบส่วนตัวด้วย มีทั้งหมด 10 บ่อ ค่าออนเซน 2,400 เยนต่อชม. สูงสุด 3 คน
เมื่อติดต่อเสร็จแล้วก็จะได้ตระกร้าพร้อมกุญแจห้องออนเซน และเหรียญสำหรับหยอด
คือห้องส่วนตัวจะมีการเปลี่ยนตลอดทุกครั้งที่มีแขกคนใหม่ ปล่อยน้ำออกจนหมดทำความสะอาด แล้วแขกคนใหม่มาก็หยอดเหรียญก็จะมีน้ำไหลออกมาจนเต็ม รอไม่นานน้ำก็เต็มบ่อแล้ว
ห้องออนเซนไม้
Jigoku Meguri
Jigoku Meguri บ่อนรกทั้ง 7 บ่อเป็นออนเซ็นน้ำแร่ธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นและแปลกตา เรียกว่าคุณต้องไม่เคยเห็นออนเซ็นประเภทนี้จากที่ไหนมาก่อนแน่ ๆ โดย 5 บ่ออยู่ในเขตคันนะวะ (Kannawa) ประกอบด้วย Umi Jigoku, Oniishibozu Jigoku, Shiraike Jigoku, Kamado Jigoku, Oniyama Jigoku และอีก 2 บ่ออยู่ในเขตชิบะเซะกิ (Shibaseki) ประกอบด้วย Chinoike Jigoku และ Tatsumaki Jigoku
- ค่าเข้า บ่อละ 450 เยน
- สามารถซื้อแบบพาสได้ 8 บ่อ 2,200 เยน
- google map : https://goo.gl/maps/65ygL5Y9nLYqBA9r8
Umi Jigoku เป็นบ่อที่มีสีฟ้าสดใสได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสุดๆ รอบๆ บริเวณนี้มีสวนสวยงามให้แวะชม และมีศาลาสำหรับแช่เท้าอยู่ใกล้ๆ ด้วย บ่อนี้มีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “ทะเลเดือด” เนื่องจากว่าน้ำในบ่อนี้เป็นสีฟ้า เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟสึรุมิ (Mt. Tsurumi) ราว 1,200 ปีที่แล้ว น้ำในบ่อเป็นน้ำสีฟ้าเดือด หรืออีกชื่อคือทะเลสีฟ้าโคบอลต์ โดยมีอุณหภูมิน้ำสูงถึง 98 องศา มีควันลอยเหนือน้ำตลอดเวลา จนบางทีควันเยอะเกินไปแทบจะมองไม่เห็นเลย
- googlemap : https://goo.gl/maps/Zqd7LrYDsxc1zfYH9
ของฝากน่ารัก
แต่ละบ่อมีตราประทับให้เล่นด้วยนะ สะสมให้ครบทุกบ่อ!
Oniishibozu Jigoku เป็นโคลนเดือด จะเห็นฟองน้ำเดือดปุด ๆ ตลอดเวลาเหมือนหัวล้านตามชื่อของบ่อ โซนนี้จะมีบ่อย่อยอีก 2-3 บ่อ ชื่อบ่อนี้ได้มาจากโคลนที่อยู่ในบ่อเกิดการเดือด โคลนในบ่อมีลักษณะคล้ายน้ำปูนเปียกที่เห็นแล้วหิวน้ำเต้าหู้งาดำมาก
Kamado Jigoku หรืออีกชื่อว่า “บ่อกระทะทองแดง” เป็นบ่อสีฟ้าอีกเช่นเคย ในอดีตชาวบ้านเคยใช้ความร้อนของบ่อนี้ในการประกอบอาหาร จึงมีรูปหม้อหุงข้าวและรูปปั้นยักษ์สีแดงไว้เป็นสัญลักษณ์ บริเวณนี้มีทั้งจุดแช่เท้าและจุดจำหน่ายขนมให้ได้แวะพักกันด้วย ใครที่หิว ๆ ล่ะก็อย่าลืมลองสั่งไข่ออนเซ็นทานกันดูนะ พุดดิ้งก็อร่อยมาก!
น้ำออนเซนชิมได้ ออกรสเค็มๆ กินนิดเดียวพอนะ ระวังร้อนด้วย!
มีของกินให้กิน ไข่ออนเซน และพุดดิ้งอร่อยมาก!!
Oniyama Jigoko บ่อออนเซนจระเข้ ปกติจระเข้จะอยู่ในอากาศหนาวไม่ได้ แต่พอน้ำที่นี้อุ่นเพราะออนเซน จระเข้เลยอยู่สบายๆ ชิลมาก จระเข้แช่ออนเซน
Jigoku Onsen Museum
มิวเซียมบ่อน้ำพุร้อน ที่เที่ยวแห่งใหม่ของเบบปุ เล่าเรื่องบ่อน้ำพุร้อนอย่างอาร์ตและไม่น่าเบื่อเลย มิวเซียมแห่งนี้เพิ่งไปใหม่ได้ไม่นาน มีซับภาษาอังกฤษด้วย เล่าเรื่องเกี่ยวกับว่าจะเป็นน้ำพุร้อนออนเซนมีที่มายังไง ดูเป็นมิวเซียมแต่กลับทำให้เข้าใจง่ายและสนุกด้วย มิวเซียมจะเล่าว่ากว่าจะเป็นพุร้อนได้ ต้องใช้เวลาถึง 50 ปี จากฝนตกผ่านชั้นหินแร่ธาตุต่างๆแล้วถึงกลับขึ้นมาใช้เวลาถึง 50 ปี แต่ละห้องจะจะมีเล่าเรื่องต่างๆ ผสมกับงานอาร์ต จนจบห้องสุดท้ายคือประทับใจมากกว่าที่คิดมาก อยากให้มา ในมิวเซียมมีคาเฟ่ด้วยนะ
- ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 1,000 เยน
- GoogleMap : https://maps.app.goo.gl/Nqkb7zKccVX4Zdxj8
โซนคาเฟ่ สวย ตรงนี้เข้าฟรีไม่ต้องเสียค่าเข้า
ตรงกลางมีบ่อน้ำพุร้อน
ห้องแรก เกริ่นเรื่องราวของออนเซนเริ่มจากอะไร
ห้องนี้เหมือนอธิบายถึงแร่ธาตุแต่อย่างในออนเซน ให้เราเดินไปอ่านและปั๊มสีๆ บนโปสการ์ดที่แจก มีรูปไอน้ำของเมืองเบบปุ
ห้องสรุปว่าเราเป็นธาตุอะไรจากการปั๊มบนโปสการ์ด
ห้องสุดท้ายอธิบายเกี่ยวกับออนเซนเบบปุ เกิดได้ยัง ห้องน่ารักมากเป็นออนเซน พอจบฉากก็เปิดเห็นน้ำพุร้อนด้านหน้าเท่มาก ทำดี!
ห้องสุดท้ายเป็นผลงานศิลปะ ที่จำของว่า หากเบบปุมีงานเทศกาล จะเป็นยังไง ก็จะเป็นระบำชุดปิศาจดูน่ากลัวๆ แต่เท่มาก สมกับชื่อบ่อนรก นั้นเอง
เราไปเที่ยวแค่ 4 บ่อพอที่อยู่ใกล้ๆ บ่ออื่นต้องนั่งบัสต่ออีกนิด เราตัดสินใจนั่งรถไฟไปตัวเมือง Oita ต่อ นั่งบัสไปลงสถานี Beppu และนั่งรถไฟไปต่อแค่ 9 นาทีเท่านั้น
Oita
ตัวเมือง Oita เป็นตัวเมืองที่เน้นไปทางที่อยู่อาศัย และที่ทำงานมากกว่าแหล่งเที่ยว แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีแหล่งเที่ยวเลยสักทีเดียว ที่นี้ยังเป็นแหล่งรวมห้างสรรพสินค้าต่างๆ ย่านการค้า แล้วก็มีมิวเซียมสวยๆหลายแห่ง
เราเดินจากสถานี Oita ทะลุย่านเขตการค้าเพื่อไป OPAM
OpAm (Oita Prefectural Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำจังหวัดโออิตะ หรือชื่อเช่นว่า OpAm เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและสถานที่จัดแสดงนิทรรศการของชุมชนในจังหวัดโออิตะ แล้วก็จะมีงานศิลปะหมุนเวียนแล้วแต่ว่าจะจัดงานอะไร
Googlemap : https://goo.gl/maps/fbRpbUUNfF91ApF86
Cafe Charite เป็นคาเฟ่ภายใน OpAm อยู่ชั้นสอง ช่วงกลางวันมีลูกค้าเยอะมาก เป็นอาหารแนวทงคัทซึเซตแบบยุโรป มีทั้งไก่ หมู เนื้อ
กินไก่มาหลายมื้อแล้ว เลยเลือกชุดฮิเระคัตซึ เป็นสะโพกหมูทอด กรอบนอก นุ่มในมาก โออิตะนี่เขาเก่งเรื่องของทอดเนอะ อร่อยทุกอย่าง
ในเซตจะมีสลัดจานโตๆเสิร์ฟมาด้วย หรือใครไม่อยากกินของทอดก็มีแฮมเบิร์กเนื้อ อร่อยเหมือนกัน
กินเสร็จเราก็นั่งบัสจากป้ายแถว OpAm เผื่อไป Umitamago Aquarium
Umitamago Aquarium
Umitamago Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ทำดีและสวยมาก! ของดีที่คนมาเที่ยวโออิตะพลาดไป! เคยมาเบบปุหลายรอบแล้ว แต่ไม่เคยมาที่ Umitamago เลย บอกเลยว่าดีมาก! ไม่ควรพลาด เพราะอควาเรี่ยมทำสเปซได้ดีมาก สวย เหมือนเข้าหอศิลป์มากกว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มุมถ่ายรูปสวยมากๆ ประทับใจ แถมการจัดแสง ระบบต่างๆของสัตว์ทำได้ดี สัตว์ดูดี
น้องวอลรัสน่ารักมาก โบกมือทักทายได้ด้วย มุมแสดงสัตว์ก็ดี มีโซนให้เล่นกับสัตว์แบบใกล้ชิด คือแอดบอกเลยว่ามาเหอะ ไม่ผิดหวังประทับใจมากที่นี้!
- การเดินทางนั่งบัสจาก Beppu ประมาณ 20 นาที หรือ บัสจาก Oita 30 นาที
- ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 2,600 เยน เด็กโต 1,400 เยน เด็กเล็ก 850 เยน
- Googlemap : https://maps.app.goo.gl/fK2RUvMt9LjFCdFi7
- Website : https://www.umitamago.jp/index-en/
ด้านหน้า ติดกับทะเล วิวสวยมาก
ASOBEACH โซนกลางแจ้ง ที่เราสามารถชมการแสดงได้อย่างใกล้ชิด มีช่วงกิจกรรมที่สามารถสัมผัสเล่นกับสัตว์ได้ด้วยนะ ดีมากเลย
ชั้น 1 ของอควาเรียม มีหลายโซนแบ่งไป Wonder Zone โซนแสดงสัตว์น้ำที่ทำเหมือนหอศิลป์ เหมือนเราดูงานศิลป์สวยๆ มีมุมถ่ายรูปเต็มไปหมด
ชอบตรงนี้มากที่สุด สวยมาก
การจัดวาง สเปซของอควาเรียม สวยจริงๆ
น้องวอลรัสน่ารักมาก มีโบกมือทักทายกลับด้วย ดาราดังของที่นี้เลย เราสามารถเล่นกับวอลรัสที่โซน Asobeach ได้ด้วยนะ
ออกมาด้านนอก มองเห็นวิวอ่าวเบบปุ มองเห็นเมืองเบบปุไกลๆ
เดินไม่ไกลจาก Umitamago มีจุดชมวิวชิลๆ Tanoura beach เดินเล่นเห็นวิวเมืองเบบปุเต็มๆ ถ้ารอถึงมืดก็มองเห็นวิวเบบปุในช่วงกลางคืน สวยมาก
เราข้ามฝั่งนั่งบัสกลับเข้าตัวเมืองเบบปุ ใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น ป้ายบัสจอดตรง Beppu Tower พอดี
Amanek Beppu
เราย้ายโรงแรมมาที่ Amanek Beppu อยู่ใกล้สถานี Beppu ห่างประมาณ 100 เมตรเท่านั้น จะมีตัว 2 โรงแรม ติดกันคือ AMANEK BEPPU YULA-RE เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว กับ Amanek Inn ที่จะเป็นโรงแรมบัดเจท ก็ราคาต่างกันตามขนาดห้อง แต่ตัวออนเซน สระว่ายน้ำดาดฟ้า และห้องอาหารเช้า ใช้ร่วมกันทั้ง 2 โรงแรม
- googlemap : https://goo.gl/maps/jqb1GWTvWqYmP9YV8
- Website : https://amanekhotels.jp/beppu/
และแน่นอนเรานอน Amanek Inn Beppu ฮาๆ
ภายในห้องแบบ Single มาตรฐานขนาดรร.ญี่ปุ่น แนวบัดเจท ใหม่และสะอาด
สระน้ำดาดฟ้าของโรงแรม Amanek สวยมาก เห็นวิวเมือง Beppu เต็มๆ
เชคอินเรียบร้อย เรากลับมาเดินแถวหน้าสถานี Beppu เมืองเบบปุ เป็นเมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นชื่อดังหลายสิบปีตั้งแต่สมัยโชวะ เลยจะเห็นบ้านเรือน เมือง ย่านการค้า ยังหลงเหลือความยุคโชวะอยู่ เป็นเสน่ห์ของเมือง Beppu เลยก็ว่าได้
Robata Jin
เบบปุ มีร้านอิซากายะหลายร้าน ร้านที่อยากแนะนำคือ Robata Jin เป็นหนึ่งในร้านอิซากานะอร่อยที่สุดในเบบปุ พร้อมบรรยากาศดีๆ โรบาตะ หมายถึง อาหารประเภทย่างเตาถ่านของญี่ปุ่น เพราะงั้นพวกของย่างอร่อยแน่นอน แล้วที่นี้ยังมีอาหารทะเลสดๆ ของเบบปุ สามารถสั่งทำซาซิมิ หรือเมนูอื่นได้ แต่ละวันก็มีปลาไม่เหมือนกัน เราสั่งไปเยอะมาก บอกเลยว่าอร่อยทุกเมนู!
- Googlemap : https://goo.gl/maps/svw7MB1JxdWc5naB8
HITPARADE CLUB
Hitparade Club คลับที่นิยมของคนท้องถิ่น แบบหลุดออกมาจากยุคโชวะ เป็นยุคที่ชอบความเป็นอเมริกันมากๆ ตัวคลับตกแต่งเหมือนคลับในยุค 1950 แบบหลุดออกมาเลย การแสดงก็เพลงยุคนั้นหมดเลย ตรงกลางคนญี่ปุ่นรวมกันเต้นตามเหมือนหลุดอยู่ในคลับยุค 1950 จริงๆ เราไปร่วมกันเต้นก็ได้นะ
- ค่าบริการ 3,600 เยนต่อคน รวมการแสดง และอาหารเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ แบบ All You can eat
- GoogleMap : https://goo.gl/maps/n9A6pbwWJm2vx36J8
Day 3
เช้าเราทานอาหารที่โรงแรม Amanek อาหารเช้าตอนแรกจะให้เราเลือก 2 แบบ ญี่ปุ่น กับ ตะวันตก ก็ชุดข้าวมิโซะ หรือ ขนมปังไข่ไส้กรอกนั้นแหละ แล้วก็สามารถไปหยิบเติมแบบบุฟเฟ่ต์ได้ เติมได้ตลอดเลย อร่อยทุกอย่างเลย มีให้เลือกหลากหลาย ของคุณภาพดี
เราออกเดินทางกันต่อเพื่อไป Yufuin เราต้องนั่งรถไฟรอบ 07:58 – 08:14 ลงสถานี Oita แล้วเปลี่ยนขบวนต่อ รอบ 08:20– 09:06 ก็จะถึงสถานี Yufuin ประมาณ 1 ชม.เทานั้นจาก Beppu
Yufuin
Yufuin เมืองออนเซนเล็กท่ามกลางเขาที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีอยู่แล้ว เราถึง 9 โมงเช้า ร้านกำลังเพิ่งเปิดกัน ช่วงเช้าคนไม่เยอะ เดินสบาย
ฝากกระเป๋าเดินทางที่ Tourist Center ใกล้ๆ ก่อน มีที่รับฝากกระเป๋า
บรรยากาศดีในช่วงเช้าเงียบสงบ ร้านค้า ร้านเปิดใหม่เต็ม อย่าง Snoopy Cafe ก็เปิดใหม่ขยายใหญ่โต
เดินสุดจนถึงทะเลสาบ Kirin ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม.ในการเที่ยวก็ทั่วแล้วสำหรับคนเคยมาแล้วนะ แต่ถ้าใครไม่เคยมาเลย เราก็คิดว่าอาจจะใช้เวลามากกว่านั้น
Yufuin no Mori
เรานั่งรถไฟ Yufuin no Mori รอบ 12.01 ก็จะถึง Hita 12.59 Yufuin ที่ว่าจองยากๆ ส่วนมากจะเต็มแต่ขาไป ขากลับมักจะว่าง ยิ่งรอบกลางวันไม่เต็มเลย เราจองรอบไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วยังไงก็มีว่าง
หรือใครอยากจองออนไลน์ไว้ก็ได้ ลองดูวิธีจองออนไลน์ทางนี้ https://www.gographjapan.com/yufuin-no-mori/
ภายใน Yufuin no Mori สวยแต่ไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาไม่นานก็เดินเล่นถ่ายรูปในขบวนจนหมดแล้ว มีคาเฟ่ด้วยนะ
Hita
เมืองฮิตะ (Hita) เป็นเมืองอยู่ในจังหวัดโออิตะ (Oita) เป็นเมืองเก่าแก่ที่ยังคงเหลือบ้านเรือนสมัยยุคเอโดะอยู่ ตัวเมืองฮิตะ ตั้งอยู่ระหว่างกลางของ 3 จังหวัดพอดี คือ ฟุกุโอกะ โออิตะ และ คุมาโมโต้ ห่างแต่ละจังหวัดเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง เลยทำให้เดินทางไปเมืองต่างๆต่อได้ง่าย
นอกจากเมืองเก่าแล้ว เมืองฮิตะยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ภูเขา ป่าไม้ ลำธารและออนเซน มีกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย และอาหารท้องถิ่นเลิศรสที่เมืองฮิตะอยากนำเสนอ และเมืองนี้คือ บ้านเกิดของ อ.ฮาจิเมะ อิซายามะ ผู้เขียนมังงะเรื่อง Attack on Titan หรือผ่าพิภพไททัน ที่เป็นมังงะที่ดังไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอีกด้วย จะมีสถานที่ที่เกี่ยวข้อง หรือสร้างเขียนมาโดยมีตัวละครจาก Attack on Titan ร่วมด้วยนั้นเอง เราจะเจอ Attack on Titan ทั้งเมืองเลย
หน้าสถานี ตอนแรกเราก็นึกว่าตัว I หายไป จริงๆ แล้วคือเป็นจุดถ่ายรูปให้คนไปยืนแทนตัว I นั้นเอง
การเที่ยวเมือง Hita เราแนะนำว่าขี่จักรยานเที่ยวจะสะดวกที่สุด เช่าจักรยานที่ Hita Tourist Information Center หน้าสถานี ปั่นไปถึงย่านเมืองเก่า Mamedamachi แค่ 15 นาทีเท่านั้น ใครปั่นจักรยานไม่เป็นก็นั่งบัสได้
- googlemap : https://goo.gl/maps/MnnRE5ox4CSdvwkD7
ค่าเช่าจักรยานเริ่มต้น 300 เยน เพิ่มชมละ 200 เยน เหมาทั้งวัน 1,000 เยน
Mamedamachi
Mamedamachi ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำคาเก็ตสึ (Kagetsu River) ทางตอนเหนือ เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอันล้ำค่าของประเทศ จึงเต็มไปด้วยอาคาร ร้านค้าและงานสถาปัตยกรรมมากมายที่สร้างขึ้นในยุคหลังสมัยเอโดะ ที่นี่มีอีกชื่อว่าเป็น “Little Kyoto” จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการแต่งชุดยูกาตะ เดินเล่นถ่ายรูปสวย ๆ เป็นอย่างมาก
ที่นี้ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าต่างๆมากมายอีกด้วย สาเก เกตะ รองเท้าเกี๊ยะแบบญี่ปุ่น ตุ๊กตาฮินะ
- Googlemap : https://goo.gl/maps/BapdS53dYLo4zVYu8
Kuncho Sake Brewery โรงกลั่นสาเกเก่าแก่ของย่านมาเมะดามาจิ ยังคงใช้วิธีการผลิตแบบโบราณ ความพิเศษคือถุงหมักทำจากไม้สนฮิตะ ของขึ้นชื่อที่นี้ภายในยังมีร้านและคาเฟ่ มีซอฟครีมทำจากเหล้าหวานด้วย ลองชิมกัน
- googlemap :HTTPS://G.PAGE/KUNCHOSHUZO?SHARE
ไปจนสุดทางเจอวิวแม่น้ำ Kagetsu สวย
Hita Mabushi Senya
ร้านข้าวหน้าปลาไหลเก่าแก่ ที่มีสตอรี่เต็มไปหมดในทุกขบวนการ ปลาไหลธรรมชาติเท่านั้น ใช้วิธีย่างแบบคาบายะกิ คือผ่าแล้วย่างบนถ่ายด้วยไฟแรงสูงเลย ไม่ต้องผ่านการนึ่งก่อน ข้าวที่ใช้ก็เป็นพันธุ์ท้องถิ่นฮิโนฮิ ใส่ในภาชนะถังไม้สนฮิตะ วิธีทานคล้ายๆ แบบนาโกย่า ที่จะแบ่งเป็นส่วนๆ ค่อยๆทาน กินแบบไม่ปรุงอะไร ต่อมาก็เติมเครื่องเคียง เช่น Yuzu Kosho พริกเขียวผสมยูสุของฮิตะ แล้วสุดท้ายก็ราดน้ำซุปกินแบบโอชะซึเคะ นั้นเอง
- googlemap :HTTPS://GOO.GL/MAPS/1PTNQ5O6CB6J8SWN7
ค่อยๆกินแบบต่างๆ หอมอร่อยมาก
Hita Kusu Regional Industry Promotion Center
ก่อนกลับปั่นจักรยานกลับมาอีกฝั่งที่ ศูนย์แสดงสินค้าคูชูฮิตะ เป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ต่างๆของเมืองฮิตะ โดยของขึ้นชื่อคือรองเท้าเกี๊ยะไม้สนฮิตะ เราสามารถร่วมทำเวิร์คช๊อปทำเกี๊ยะของตัวเองได้ด้วย เริ่มต้นคู่ละ 2,900 เยน (ต้องจองล่วงหน้า)
- googlemap :HTTPS://GOO.GL/MAPS/ESO5GFCK9GMJYZEC8
- Website :HTTPS://HITAKUSU.COM
รองเท้าเกตะ แบบของตัวเองมีคู่เดียวในโลก! เซนเซย์ค่อยๆสอนเราทำทีละขั้นตอน จนได้เกี๊ยะไม้ของตัวเอง!
กลับมาหน้าสถานี Hita เตรียมตัวกลับฟุกุโอกะ
แล้วเราก็กลับเมืองฟุกุโอกะ ด้วย Yufuin no Mori รอบสุดท้าย 18.12 จะถึงฟุกุโอกะ 19.28 ดึกพอดี จบแล้วสำหรับแผนเที่ยวโออิตะ 3 วัน 2 คือ ซึ่งเป็นไอเดียไว้ทำแผน อาจจะไม่ต้องทำตามเราก็ได้ ปรับเปลี่ยนมานอน Yufuin อีกคืนก็ได้ ก็จะสบายๆ แล้วแต่วางแผนเลย โออิตะยังมีที่เที่ยวน่าสนใจแอบๆ อยู่อีกเยอะ
รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/Klook /ประกัน Sompo /รถเช่า /Bic Camera