วิธีการเดินทางจากโตเกียวไป Kamikochi ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

ประวัติความเป็นมา

Kamikochi ตั้งอยู่ในจังหวัด Nagano ทางตอนกลางของญี่ปุ่น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Chubu Sangaku ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ราบสูงคามิโคจิมีความสูงประมาณ 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้มีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูงและแม่น้ำ Azusa ที่ใสสะอาดไหลผ่านใจกลางที่ราบสูง สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่งดงามเหล่านี้ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รักการผจญภัยและการสัมผัสธรรมชาติ

Kamikochi แปลว่า “ที่ราบสูงของเทพเจ้า” ถูกค้นพบและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยนักปีนเขาชาวอังกฤษชื่อ Reverend Walter Weston ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นับตั้งแต่นั้นมาที่นี่ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินป่าและนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ

ช่วงเวลาเปิด-ปิดอุทยาน

เปิดให้เข้าชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วงโดยปิดในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟู

• ช่วงเวลาเปิด: ประมาณวันที่ 17 เมษายนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน
• ช่วงเวลาเปิด-ปิดแต่ละวัน: อุทยานสามารถเข้าชมได้ตลอดเวลาในช่วงที่เปิดทำการ ไม่มีการจำกัดเวลาที่แน่นอน แต่การบริการขนส่งสาธารณะและร้านค้าภายในอุทยานมักจะให้บริการตั้งแต่เช้าถึงช่วงบ่าย

หากวางแผนจะไปเยี่ยมชมคามิโคจิในช่วงฤดูกาลเปิดควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสภาพอากาศและการบริการขนส่งก่อนการเดินทางเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการท่องเที่ยว

การเดินทาง

การเดินทางจากโตเกียว

1. โดยรถไฟและรถบัส:
   1. ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line จากสถานี Tokyo หรือ Shinjuku ไปยังสถานี Matsumoto ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยรถไฟด่วนพิเศษ AzusaหรือSuper Azusa
   2. จากสถานี Matsumoto ต่อรถไฟสาย Alpico Matsumoto Electric Railway ไปยังสถานีShin-Shimashima ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
   3. จากสถานี Shin-Shimashima ต่อรถบัส Alpico ไปยัง Kamikochi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
   
2. โดยรถบัสตรง:
   มีบริการรถบัสตรงทั้งจาก Shinjuku Expressway Bus Terminal สถานีโตเกียวหรือชิบูย่าไปยัง Kamikochi ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งถึง 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะ ผู้คนนิยมเดินทางออกจากโตเกียวตอนกลางคืนมาถึงคามิโคจิในช่วงเช้า
   ตารางรถบัสจากสถานีชินจูกุ-คามิโคจิ
   ตารางรถบัสจากสถานีโตเกียว-คามิโคจิ
   ตารางเวลารถบัสสายชิบุย่า– คามิโคจิ
   
   *ค่าโดยสารอยู่ 11,000 – 16,000 เยน ต่อเที่ยว จะแตกต่างกันให้ดูตอนจองอีกที
   
   
3. โดยรถยนต์:
   การเดินทางไป Kamikochi ไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้าไปถึงที่หมาย นักท่องเที่ยวจะต้องจอดรถที่จุดจอดรถยนต์ที่กำหนดไว้หากมาจากฝั่งมัตสึโมโต้ให้จอดรถที่Sawandoละถ้าหากมาจากฝั่งทาคายามะให้จอดรถที่Akandanaและใช้บริการรถบัสหรือแท็กซี่ที่ได้รับอนุญาต
   ตารางรถบัสสายสะวันโด-คามิโคจิ
   ตารางรถบัสสายอะคันดานะ-คามิโคจิ
   

การเดินทางจากโอซาก้า

1. โดยรถไฟและรถบัส:
   1. ขึ้นรถไฟ JR Tokaido Shinkansen จากสถานี Shin-Osaka ไปยังสถานี Nagoya ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง (ขึ้นอยู่กับประเภทของ Shinkansen)
   2. จากสถานี Nagoya ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line ไปยังสถานี Matsumoto ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
   3. จากสถานี Matsumoto ต่อรถไฟสาย Alpico Matsumoto Electric Railway ไปยังสถานี Shin-Shimashima และต่อรถบัส Alpico ไปยังคามิโคจิ
   
2. โดยรถบัสตรง:
   มีบริการรถบัสตรงจากโอซาก้าไปยังคามิโคจิ ซึ่งจะออกจากสถานีรถบัสหลักในโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง
   ตารางรถบัสจากโอซาก้า-คามิโคจิ
   

การเดินทางจากนาโกย่า

สภาพอากาศในคามิโคจิ

• ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – มิถุนายน):
  ช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นช่วงที่คามิโคจิเปิดให้เข้าชมหลังจากปิดในฤดูหนาว อุณหภูมิในช่วงนี้ยังคงเย็น โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น อุณหภูมิกลางวันจะอยู่ที่ประมาณ 10-15°C โดยในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ดอกไม้ป่าจะเริ่มบานทำให้หุบเขาเต็มไปด้วยสีสันและความสดชื่น
• ฤดูร้อน (กรกฎาคม – สิงหาคม):
  อากาศในฤดูร้อนของคามิโคจิยังคงเย็นสบายเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของญี่ปุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงกลางวันอยู่ที่ประมาณ 15-20°C ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินป่าและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมเสื้อกันฝนหรืออุปกรณ์กันน้ำเนื่องจากฝนตกอาจเกิดขึ้นได้บ่อยในฤดูกาลนี้
• ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน):
  ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงที่คามิโคจิมีความงดงามเป็นพิเศษเนื่องจากใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดง ส้ม และเหลือง อุณหภูมิในช่วงนี้จะเริ่มลดลง อุณหภูมิอาจจะลดต่ำกว่า 10 องศาได้และอาจจะต่ำกว่า 5 องศาในตอนเช้าควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อม
• ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม):
  คามิโคจิจะปิดไม่ให้เข้าชมในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากมีหิมะตกหนักและสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก อุณหภูมิในช่วงนี้มักจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง การเข้าถึงพื้นที่คามิโคจิในฤดูหนาวนั้นเป็นไปได้ยากเนื่องจากหิมะปกคลุมและเส้นทางถูกปิด หากจะเข้าไปเที่ยวช่วงฤดูหนาวจะต้องลงทะเบียนและมีไกด์ท้องถิ่นพาเดินเท้าเข้าไป

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและการเดินป่าตามเส้นทางต่าง ๆ

คามิโคจิมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม นี่คือบางสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด

ให้ดูตามแผนที่เลย โดยปกติทุกคนจะต้องนั่งรถบัสเข้ามาด้านใน จะไปจอดที่จุด 6 Kamikochi Bus Terminal แต่เราสามารถลงก่อนได้ที่ป้าย 1 Taisho pond ก็จะเดินเป็นรูทง่ายกว่าเหมาะสำหรับคนมาแบบวันเดียวไปกลับ แต่ใครค้างด้านในมีกระเป๋าเดินทาง ก็แนะนำไป Bus Terminal เพื่อฝากกระเป๋าก่อนดีกว่า

คามิโคจิมีเส้นทางเดินป่ามากมายที่เหมาะสำหรับนักเดินป่าทุกระดับ ตั้งแต่เส้นทางง่าย ๆ รอบสะพาน Kappa ไปจนถึงเส้นทางท้าทายไปยังยอดเขาYarigatakeและNishihotaka

สำหรับ Beginner เราแนะนำเส้นทาง 01 Taisho Pond > 02 Toshiro pond > 03 สะพาน Hokata > 04 สะพาน Kappa > 06 ท่ารถบัสคามิโคจิ ระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร ระยะเวลาโดยประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ส่วนใครที่เดินป่ามาระดับนึงแล้วอยากเดินในเส้นทางที่ยาวกว่านี้เราแนะนำเส้นทาง 01 Taisho Pond > 02 Toshiro pond > 03 สะพาน Hokata > 04 สะพาน Kappa > 05 Myojin Pond > 04 สะพาน Kappa > 06 ท่ารถบัสคามิโคจิ ระยะทางประมาณ 9.2 กิโลเมตร ระยะเวลาโดยประมาณ 3 ชั่วโมง

จุดชมวิวสวยๆ

02 Toshiro pond

เดินไม่ไกลจาก Taisho Pond มีวิวเทือกเขาเตแอลป์ให้ชม

03 สะพาน Hokata

ถ้ามีเวลาเราแนะนำให้ข้ามสะพานตรงจุดนี้ไปเดินอีกฝั่งเพราะวิวสวยๆเยอะตลอดทาง แต่ถ้าเวลาน้อยก็เดินตรงไปจุดจอดรถบัสตรงไปทางสะพานกัปปะได้เลย

04 สะพาน Kappa

สะพานไม้ที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสำคัญของคามิโคจิ นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวแม่น้ำ Azusa และภูเขา Hotaka ที่สวยงามจากสะพานนี้

ถ้าเดินไปด้านบนของสะพานกัปปะก็มีวิวสวยๆ อีก ซึ่งสำหรับคนมีเวลาน้อย หรือไม่อยากเดินไกล ก็พอจบแค่นี้ หาอะไรกินแถวนี้ นั่งพักชมวิวชิลๆ แล้วกลับได้เลย

05 Myojin Pond

จุดต่อมาสำหรับคนอยากเดินไกลขึ้น จะแนะนำเส้นทางด้านบนจากสะพาน Kappa ไปทะเลสาบ Myojin ก็มีวิวให้ กับสะพานไม้สวยๆตลอดทาง เข้าโซนนี้แนะนำว่าควรมีกระดิ่งไล่หมีติดตัวด้วยนะ

พอเดินไปเรื่อยๆสะพานที่นำไปสู่ศาลเจ้า Hotaka ซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขา Myojin-dake บริเวณนี้เงียบสงบและมีบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ทะเลสาบเล็กๆที่ใสสะอาดและสวยงาม สามารถเข้าถึงได้โดยการเดินเท้าจากศาลเจ้า Hotaka จะเข้าด้านในต้องเสียค่าเข้านะ

การตั้งแคมป์

ร้านค้าและร้านอาหาร

ที่นี่ไม่มีร้านสะดวกซื้อแบบที่พบในเมืองใหญ่ แต่มีร้านค้าท้องถิ่นและร้านอาหารที่ให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะบริเวณสะพานกัปปะและจุดขึ้นรถบัส

ศูนย์อาหารที่จุดขึ้นรถบัส: มีร้านอาหารหลากหลายที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น อุด้ง โซบะ เทมปุระ และอาหารจานเดี่ยวอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถพักผ่อนและรับประทานอาหารก่อนหรือหลังการเดินป่าได้ที่นี่

ร้านอาหารท้องถิ่นใกล้สะพาน Kappa: มีร้านอาหารหลายแห่งที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่น เช่น ซาชิมิ ปลาย่าง และอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่นและบริเวณนี้ยังมีคาเฟ่และร้านกาแฟที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มและขนมหวานท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ

คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว

1. ควรตรวจสอบสภาพอากาศ ตารางเวลาและจองตั๋วล่วงหน้าโดยเฉพาะในช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมาก
2. ควรเตรียมรองเท้าและเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเพราะเนื่องจากด้านในเป็นป่าและหุบเขาจึงทำให้อากาศเย็นกว่าในเมืองโดยเฉพาะช่วงเช้า

รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/Klook /ประกัน Sompo /รถเช่า /Bic Camera
https://www.gographjapan.com/category/คูปองส่วนลดญี่ปุ่น