TOKYO SKYTREE 1 วันในโตเกียวสกายทรี แลนด์มาร์คโตเกียว หอคอยสูงที่สุดในโลก

TOKYO SKYTREE

TOKYO SKYTREE หากเอ่ยถึงแลนด์มาร์คของโตเกียว (Tokyo) คาดว่าหลายคนน่าจะนึกถึงหอคอยสูงที่สามารถมองเห็นได้จากทุกหนทุกแห่งของเมืองอย่าง “โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)” ด้วยความสูงของหอคอยถึง 634 เมตรจนได้ชื่อว่าเป็น “หอคอยที่สูงที่สุดในโลก” อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองหลวงญี่ปุ่นอีกด้วย นักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะเคยเห็นโตเกียวสกายทรีผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยไปเยือนหรือเข้าไปสัมผัสโตเกียวสกายทรีกันอย่างใกล้ชิด วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักโตเกียวสกายทรีกันให้มากขึ้น แล้วไปดูกันว่าบริเวณโตเกียวสกายทรีนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจกันบ้างค่ะ

#PR

วิธีเดินทางสู่โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

การเดินทางสู่โตเกียวสกายทรีนั้นสามารถไปได้หลายเส้นทาง โดยเราจะสรุปดังต่อไปนี้

・กรณีเริ่มต้นจากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) หรือสถานีชินากาว่า (Shinagawa Station):นั่งรถไฟสายเคคิว (Keikyu Line) ไปลงที่สถานีโอชิอาเกะ (Oshiage Station) จากนั้นเดินเท้าต่อไม่เกิน 5 นาที

・กรณีเริ่มต้นจากสนามบินนาริตะ (Narita Airport):นั่งรถไฟสายนาริตะ สกายแอคเซส เคเซย์ (Narita SKY ACCESS Keisei Line) ไปลงที่สถานีโอชิอาเกะ (Oshiage Station) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นเดินเท้าต่อไม่เกิน 5 นาที

・กรณีเริ่มต้นจากสถานีอุเอโนะ (Ueno Station):นั่งรถไฟสายกินซ่า (Ginza Line) ไปลงที่สถานีอาซาคุสะ (Asakusa Station) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายโทบุสกายทรี (Tobu Skytree Line) ไปลงที่สถานีโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree Station) ใช้เวลาประมาณ 3 นาที หรือจากสถานีอาซาคุสะสามารถเดินเท้าไปยังโตเกียวสกายทรีได้เช่นเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

จุดเด่นของโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) ที่ไม่ได้มีดีแค่หอคอยชมวิว

ด้วยความโรแมนติกของทัศนียภาพจากจุดชมวิวบนโตเกียวสกายทรีที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลานั้นทำให้ที่นี่ชื่อว่าเป็นจุดเดทยอดนิยมติดอันดับต้นๆ ของคู่รักในญี่ปุ่นเลยค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบครัวมักจะพาเด็กๆ มาเที่ยวชมวิวด้วยเช่นเดียวกัน โดยจุดชมวิวของโตเกียวสกายทรีนั้นสามารถมองเห็นวิวพาโนรามาได้แบบ 360 องศา ยิ่งวันไหนอากาศดียังสามารถมองเห็นไปถึงภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ได้อย่างชัดเจน หากใครที่มาเยือนช่วงเวลาเย็นก็สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกดินอันงดงาม หรือจะลองแวะมาชมวิวกลางคืนที่ประดับไปด้วยแสงไฟระยิบระยับก็งดงามไม่แพ้กัน

แต่ก่อนอื่นที่เราจะไปพูดถึงหอคอยชมวิวโตเกียวสกายทรี เราอยากพาทุกคนไปรู้จักสถานที่โดยรอบที่น่าสนใจไม่แพ้กันก่อน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าโซนโตเกียวสกายทรีนั้นสามารถไปเที่ยวและเดินเล่นได้เกือบทั้งวัน เนื่องจากที่นี่มีสถานบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ซึ่งสถานที่ที่เราจะพูดถึงในครั้งนี้เป็นแหล่งชอปปิ้งซึ่งตั้งอยู่ที่ฐานของโตเกียวสกายทรีอย่าง “Tokyo Solamachi” นั่นเอง

Tokyo Solamachi ศูนย์รวมแหล่งชอปปิ้งขนาดใหญ่ซึ่งภายในมีร้านอาหารและร้านค้ามากกว่า 300 แห่ง แต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้างานดีไซน์สไตล์ญี่ปุ่น สินค้าหรือเสื้อผ้าแฟชั่น งานฝีมือดั้งเดิม สินค้าทางวัฒนธรรมยอดนิยม เป็นต้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับที่ไหนกันบ้างไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

1. คนรักเฟรนช์ฟรายส์ห้ามพลาด! ซื้อของว่างกรุบกรอบระดับพรีเมียมที่ร้าน AND THE FRIET

เชื่อว่าคนไทยหลายคนชอบรับประทานเฟรนช์ฟรายส์เป็นของว่างหรือกับแกล้มกันใช่ไหมคะ ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับร้านขนมร้านแรกก็คือ “AND THE FRIET” เป็นร้านขนมหรือของว่างระดับพรีเมียม เรียกว่า DRIED FRIET ที่พัฒนาโดยร้านจำหน่ายเฟรนช์ฟรายส์โดยเฉพาะซึ่งมีสาขาหลักคือย่านฮิโระในโตเกียว

มีจุดเด่นคือรสชาติเข้มข้นและมีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ โดยใช้มันฝรั่งคุณภาพสูงที่รวบรวมมาจากแต่ละประเทศทั่วโลก ผ่านการแปรรูปอย่างพิถีพิถันในหม้อทอดแบบพิเศษเพื่อขจัดความชื้นและเน้นความอร่อย 

ส่วนตัวแล้วชอบแพ็คเกจมากค่ะ มีการใช้ภาพประกอบที่วาดขึ้นมาใหม่เก๋มากๆ เลย แถมยังมีหลายรสชาติให้ได้เลือก ซึ่งครั้งนี้เราก็ได้ลองรสชาติยอดฮิตอย่าง “Double-truffle Salt” และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบเฟรนฟรายส์นิ่ม พอได้ลองกัดคำแรกคือกรอบกำลังดี ไม่แข็งจนเกินไป มีกลิ่นหอมชวนรับประทานของเห็ดทรัฟเฟิลดำเบาๆ คู่กับความเค็มของเกลือได้เป็นอย่างดี รับประทานเพลินมากจนอยากเบิ้ลอีกห่อ

เรียกได้ว่าเป็นเฟรนช์ฟรายส์ที่เหมาะสำหรับซื้อรับประทานเล่นหรือซื้อไปเป็นของที่ระลึก สามารถทานได้ทุกเพศและทุกวัยเลยค่ะ

  • ชื่อร้าน : AND THE FRIET
  • เวลาเปิดให้บริการ : 10:00-21:00 น.
  • ที่ตั้ง : ชั้น 2 ของ Tokyo Solamachi โซน Tower Yard Block 5 Food Marche

2. ลิ้มรสอาหารอิตาเลียนสุดหรูกับวิวสุดอลัง ชมโตเกียวสกายทรีแบบเต็มๆ ตากับภัตตาคาร Issare shu cielo

ใครที่กำลังมองหาร้านที่ถ่ายรูปสวยๆ กับวิวหลักร้านในสไตล์ Luxury ล่ะก็เราขอแนะนำให้ไปเช็คอินกันที่ภัตตาคาร “Issare shu cielo” ซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารอิตาเลียนเพื่อสุขภาพที่มีการปรับและปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากคนญี่ปุ่น

ภัตตาคารดังกล่าวตั้งอยู่บนชั้น 30 ซึ่งเป็นโซนแหล่งรวมร้านอาหารหรือภัตตาคารที่อยู่ในระดับ High-end กว่าชั้นด้านล่าง จุดเด่นของที่นี่คือมีราคาที่สมเหตุสมผลไม่แพงจนเกินไป (แต่ละจานราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000~3,500 เยน แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและเมนู) ทำให้นักท่องเที่ยวเองก็สามารถมาสัมผัสวิวสวยๆ ของโตเกียวสกายทรีพร้อมกับลิ้มลองอาหารแสนอร่อยได้

ในวันนี้เราก็มีโอกาสได้ลองรับประทานอาหารแบบ Full Course โดยวัตถุดิบทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตามแต่ละฤดูกาลซึ่งล้วนผ่านการคัดสรรจากเชฟคุณภาพสูง พนักงานจะเริ่มต้นด้วยการเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่างซุปกับขนมปัง และเมนูหลักก็คือสปาเก็ตตี้ สเต็กเนื้ออบ จากนั้นปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่างทิรามิสุ และเครื่องดื่มกาแฟร้อนค่ะ

ไฮไลต์ของที่นี่คือที่นั่งที่สามารถชมวิวพาโนรามาของโตเกียวสกายทรีได้แบบใกล้ชิดสุดๆ ผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่ติดอยู่รอบภัตตาคาร ให้บรรรยากาศเปิดโล่งและปลอดโปร่ง เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง โชคดีวันที่เราไปอากาศดีพอดีเลยสามารถชมวิวกันได้แบบจุใจเลยค่ะ ยิ่งคู่รักคู่ไหนที่อยากได้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกล่ะก็เราขอแนะนำให้ไปที่นี่ช่วงเวลากลางคืนเลย

  • ชื่อร้าน : Issare shu cielo
  • เวลาเปิดให้บริการ : 11:00-22:00 น.
  • ที่ตั้ง : ชั้น 30 ของ Tokyo Solamachi โซน East Yard Block 11 Solamachi Dining SKYTREE VIEW

3. ร้านคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ ที่มีจำหน่ายทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน COCONOHA

สำหรับใครที่อาจจะไม่ได้อินกับอาหารอิตาเลียนเท่าไหร่ เราก็มีอีกหนึ่งร้านคาเฟ่น่ารักๆ ราคาไม่แพงมาแนะนำค่ะ นั่นก็คือคาเฟ่ “COCONOHA” ที่เพิ่งเปิดให้บริการหลังจากมีการปรับปรุงร้านไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ บรรยากาศของคาเฟ่นั้นตกแต่งด้วยไม้ผสมผสานกับดอกไม้แห้งให้ความรู้สึกอบอุ่นและน่านั่ง

ที่นี่เมนูมีให้บริการตั้งแต่เครื่องดื่มร้อนหรือเย็น อาหารคาวไม่ว่าจะเป็นพาสต้า ริซอตโต้ ไปจนถึงอาหารหวานอย่างเค้ก พุดดิ้งและอื่นๆ ที่สำคัญมีเมนูสำหรับเด็กให้บริการด้วยค่ะ ดังนั้น ใครที่เดินทางมากับเด็กหรือเป็นครอบครัวใหญ่ก็สามารถเข้าใช้บริการได้อย่างไร้กังวล

เมนูที่เราอยากแนะนำในวันนี้เป็นขนมหวาน Limited Edition ที่วางจำหน่ายเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้เท่านั้นค่ะกับ “Sakura Mont Blanc Spring Color Waffle” ก็คือขนมวาฟเฟิลมีท็อปปิ้งเป็นขนมมองต์บลังค์รสซากุระนั่นเอง ใครที่ชอบรับประทานขนมหวานจะต้องชอบแน่ๆ เพราะนอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้ว รสชาติของมองต์บลังค์ยังหอมหวานกำลังดีเข้ากับเนื้อวาฟเฟิลที่ไม่แข็งกระด้าง เหมาะสำหรับรับประทานปิดท้ายสุดๆ

  • ชื่อร้าน : COCONOHA
  • เวลาเปิดให้บริการ : 9:00-22:00 น. (สั่งอาหารได้ถึง 21:00 น.)
  • ที่ตั้ง : ชั้น 4 ของ Tokyo Solamachi โซน West Yard Block 4 (ด้านนอกศูนย์รวมแหล่งชอปปิ้ง อยู่ข้างกับจุดจำหน่ายตั๋วขึ้นหอคอยชมวิวโตเกียวสกายทรี)

ชมวิวยามค่ำคืนของมหานครโตเกียวบนจุดชมวิวสูงเสียดฟ้า

เกริ่นกันมาเยอะแล้ว เรากลับมาสู่ไฮไลต์ของโตเกียวสกายทรีกันดีกว่า ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปชมบรรยากาศของโตเกียวสกายทรีในช่วงเวลากลางคืนจากบนหอคอยชมวิวกันค่ะ เราจะเริ่มต้นจากการขึ้นลิฟต์ไปยังจุดชมวิวด้านบนที่ความสูงระดับ 350 เมตร ซึ่งลิฟต์ Tembo Shuttle จะพาเราขึ้นไปสู่จุดหมายปลายทางจากชั้นล่างด้วยความเร็ว 600 เมตรต่อนาทีใช้เวลาเพียง 50 วินาทีเท่านั้น!

ค่าขึ้นจุดชมวิว

  • Combo Ticket : Tembo Galleria + Tembo Deck ¥3,100 ถ้าจองล่วงหน้าลดเหลือ ¥2,700
  • Tembo Deck ¥2,100 ถ้าจองล่วงหน้าลดเหลือ ¥1,800

* ข้อมูลราคาข้างต้นเป็นข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2024 โปรดตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลล่าสุดอีกครั้ง

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางนี้ https://www.tokyo-skytree.jp/en/

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ภาพของหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยอาคารและตึกระฟ้าเรียงรายท่ามกลางแสงสีระยิบระยับราวกับดวงดาวจะทำให้คุณตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการนี้อย่างแน่นอน

นอกจากจะตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามและโรแมนติกของบรรยากาศโตเกียวในยามค่ำคืนกันแล้ว ที่ชั้นนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยทีมงานของโตเกียวสกายทรีกลับบ้านไปแบบสวยๆ

หรืออาจจะแวะไปโซนเขียนคำขอพรกับริบบิ้นอธิษฐาน “W1sh Ribbon” (คอนเซ็ปต์เค้าใช้เลข “1” ไม่ได้เขียนผิดนะคะ) ขั้นตอนก็ง่ายๆ เลยค่ะให้เราหยอดตู้แคปซูลหรือกาชาปองที่ด้านในบรรจุริบบิ้นสีสันต่างๆ และเข็มกลัดออริจินัลสุดน่ารักของโตเกียวสกายทรีก่อน (ครั้งละ 500 เยน)

เมื่อลูกแคปซูลตกลงมาก็ให้เรานำริบบิ้นที่ไปได้เขียนคำขอพรหรือสิ่งที่ตนเองต้องการ จากนั้นนำไปผูกไว้กับราวแขวนเพื่อให้คำขอของเราสมดั่งปรารถนา เพียงเท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ เป็นกิจกรรมน่ารักๆ ที่นักท่องเที่ยวเองก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

หากใครเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าหรือเมื่อยขาจากการเดินมาทั้งวันล่ะก็ที่ความสูงระดับ 350 เมตร นี้ก็มีคาเฟ่ให้บริการนะคะกับ “Skytree Cafe” เป็นคาเฟ่กึ่งบาร์ที่ตกแต่งมาอย่างทันสมัย เหมาะสำหรับเป็นทั้งจุดเดท จุดนั่งพักหรือพูดคุยกันมาก ที่นี่มีให้บริการจำหน่ายทั้งเครื่องดื่มที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์ รวมไปถึงเมนูไอศกรีมและของรับประทานเล่นต่างๆ

เท่านั้นยังไม่พอ ทุกคนทราบไหมคะว่าที่โตเกียวสกายทรีนั้นยังมีจุดชมวิวที่ระดับสูงขึ้นไปกว่า 350 เมตรอีก นั่นก็คือชั้นความสูงระดับ 450 เมตรซึ่งเป็นจุดที่สูงสุดของโตเกียวสกายทรีนั่นเอง โดยเราจำเป็นต้องขึ้นลิฟต์ต่อไปที่ด้านบนอีก โดยลิฟต์จะจอดที่ความสูงระดับ 445 เมตรค่ะ แม้ว่าขนาดของกระจกบริเวณชั้นนี้จะเล็กกว่าความสูงระดับ 350 เมตรสักเล็กน้อย แต่ก็ให้ได้ทิวทัศน์อันน่าประทับใจไม่แพ้กัน

ทางเดินของบริเวณความสูงระดับ 445 เมตรที่มุ่งไปสู่ความสูงระดับ 450 เมตรนั้นเรียกว่า “Tembo Galleria” เป็นทางลาดระยะทาง 110 เมตรที่ค่อยๆ เพิ่มระดับความชันทอดยาวขึ้นไปสู่ด้านบนตามคอนเซ็ปต์ “ทางเดินบนอากาศ” และระหว่างทางเดินขึ้นไปยังจุดสูงสุดยังมีจุดถ่ายรูปลับสนุกๆ อีกด้วย

* ภาพด้านบนนี้ใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น กรณีที่มีการจัดงานอาจมีการใช้พื้นที่ตกแต่งนิทรรศการที่บริเวณนี้

ช้าก่อน! ความสนุกของโตเกียวสกายทรียังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ สำหรับใครที่ชอบความท้าทายก็ขอแนะนำให้ไปที่ความสูงระดับ 340 เมตรปิดท้ายก่อนลงไปข้างล่าง เพราะชั้นนี้มีโซนพื้นกระจกที่สามารถมองลงไปข้างล่างหอคอยได้ด้วย! หากเริ่มต้นจากความสูงระดับ 450 เมตรให้ลงลิฟต์ตรงไปที่ความสูงระดับ 345 เมตรจากนั้นลงบันไดต่อก็จะพบกับพื้นกระจกใสที่มองลงไปเห็นวิวเบื้องล่าง

คนที่กลัวความสูงอาจจะไม่แนะนำเท่าไหร่ แต่คนที่ไม่กลัวและอยากชมโตเกียวสกายทรีในมุมที่แปลกใหม่และแตกต่างไปจากเดิมล่ะก็อย่าลืมแวะมาลองเดินเล่นบนพื้นกระจกกันดูนะคะ

บทส่งท้าย

และถ้าใครได้มาเที่ยวโตเกียวสกายทรีในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมก็สามารถมาชมซากุระพันธุ์คาวาซุได้ด้วย

พิเศษกว่านั้นคือในช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ที่บริเวณแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) ยังมีจัดซากุระไลท์อัพ (Sakura Light Up) หรือไฟประดับในตอนกลางคืนด้วยนะคะ นอกจากจะได้ต้นซากุระเป็นแนวยาวขนานไปกับแม่น้ำสุมิดะทั้งสองฝั่งแล้ว ยังสามารถถ่ายรูปติดโตเกียวสกายทรีเป็นพื้นหลังอีกด้วย วิวสวยๆ ที่มีเฉพาะช่วงเวลาจำกัดแบบนี้พลาดไม่ได้เลยจริงๆ

เป็นอย่างไรบ้างคะกับโตเกียวสกายทรีที่เราได้นำเสนอไปในครั้งนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นข้อมูลดีๆ ให้กับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในโตเกียวหรือสนใจอยากลองไปโตเกียวสกายทรีดูนะคะ เพราะการเดินทางไม่ยากเลย มือใหม่เองก็สามารถตามรอยได้ง่ายๆ สำหรับใครที่ไปเที่ยวบริเวณอาซาคุสะก็สามารถแวะต่อโตเกียวสกายทรีซึ่งอยู่ใกล้ๆ ได้เช่นเดียวกัน

หากใครอยากรู้ว่าเสน่ห์ของที่นี่มีอะไรมากกว่าในบทความนี้ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วนะคะ ไว้พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/Klook / KKDay /ประกัน Sompo /รถเช่า /Bic Camera

https://www.gographjapan.com/category/คูปองส่วนลดญี่ปุ่น/

Facebook
Pinterest
Twitter
LOOKGADE

LOOKGADE

ᴛʜᴀɪ-ᴄʜɪɴᴇsᴇ ʙᴀsᴇᴅ ɪɴ тᴏᴋчᴏ l ᴡᴇʙ ᴄᴏɴᴛᴇɴᴛ ᴇᴅɪᴛᴏʀ & sᴏᴄɪᴀʟ ᴍᴇᴅɪᴀ ᴅɪʀᴇᴄᴛᴏʀ l ғʀᴇᴇʟᴀɴᴄᴇ ᴡʀɪᴛᴇʀ & ᴍᴏᴅᴇʟ l ɪɴsᴛᴀɢʀᴀᴍ : www.instagram.com/katerumrsn/