ขับรถเที่ยว นีงาตะ นากาโน่ Niigata – Nagano ฤดูหิมะ 6 วัน

ขับรถเที่ยว นีงาตะ นากาโน่ Niigata – Nagano

ขับรถเที่ยว นีงาตะ นากาโน่ (Niigata – Nagano) ทริปนี้เราไปเที่ยวกันยาวๆสองจังหวัดที่สามารถเดินทางถึงกันได้ ไปลุยเมืองหิมะ เรียนสกีสำหรับมือใหม่ กิจกรรมใส่รองเท้า Snowshoes เดินบนหิมะ ไปจนถึงเที่ยวสถานที่มีชื่อต่างๆของจังหวัดนีงาตะและนากาโนะ

เป็นโมเดลคอร์สไว้ให้สำหรับคนอยากตามไปเที่ยว ซึ่งเหมาะสำหรับการขับรถเช่าจะสะดวกมากกว่า ซึ่งแต่ละสถานที่ ถ้าสามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ เราจะเขียนรายละเอียดวิธีการเดินทางด้วยรถไฟให้เช่นกัน ทริป 6 วัน นี้ เราจะเน้นไปเล่นหิมะ เรียนสกี กิจกรรมต่างๆ ซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมงเกือบทั้งวันถ้าใครอยากแค่แวะมาถ่ายรูป ตามสถานที่ต่างๆ อาจจะกระชับหรือย่นเวลาให้ทริปสั้นลงได้

สารบัญ

รูทเส้นทาง ขับรถเที่ยว นีงาตะ นากาโน่ 6 วัน 5 คืน

  • วันแรก ออกจากโตเกียว – เล่นหิมะที่ลานสกี GALA Yuzawa – แวะเที่ยวเทศกาลคามากุระ (กระท่อมหิมะ)  – พักที่เมืองชิบุอนเซ็น
  • วันสอง ไปดูลิงแช่อนเซ็น Snow Monkey Park – ไปไหว้พระ Zenkoji – กินขนมอร่อยๆที่ Nakamise – อาหารพื้นเมือง Seiro mushi  – พักที่โรงแรม Hakuba Tokyu Hotel
  • วันสาม  เล่นสกีที่ Hakuba iwatake snow field – กินขนม ร้าน Apple & Roses
  • วันสี่ เที่ยวเมืองมัตสึโมโตะ – แต่งชุดกิโมโนเดินเล่นปราสาทมัตสึโมโตะ – ถนนนาวาเตะ (Nawate Street) – ถนนคนเดินนากามะจิ Nakamachi – เก็บสตรอว์เบอร์รี่ -ไปพักเมืองอนเซ็น Hayataro Onsen
  • วันห้า กิจกรรมเดินบนหิมะ สโนว์ชู ที่ Senjojiki – ทานอาหารขึ้นชื่อของเมืองโคมากะเนะ “ซอสคัตสึด้ง”- แวะกินซอฟครีม Komagane Farm – พักที่เมืองอนเซ็น Kamisuwa Onsen
  • วันหก กิจกรรมเดินบนหิมะ สโนว์ชู ที่ Kita Yatsugatake Ropeway – ทานเจลาโต้ – กลับโตเกียว

หาเว็บเช่ารถ

อย่าลืมใช้โค้ดแอด! รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/ประกัน Sompo >>> www.gographjapan.com/category/คูปองส่วนลดญี่ปุ่น/

Googlemap รวมสถานที่ทั้งหมดของเส้นทางนี้เอาไปใช้ได้เลย : https://www.google.com/maps/d/u/0/edit?mid=1QKNoYWgC67QKDPQwPMGUOob6S9fcSPMB&usp=sharing

Day 1 ออกจากโตเกียว – เล่นหิมะที่ลานสกี GALA Yuzawa – แวะเที่ยวเทศกาลคามากุระ (กระท่อมหิมะ)  – พักที่เมืองชิบุอนเซ็น

GALA Yuzawa

เริ่มต้นทริปด้วย GALA Yuzawa เป็นลานสกีที่อยู่ใกล้ๆโตเกียว และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ขับรถออกจากโตเกียวใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งโดยขึ้นทางด่วน หรือ สำหรับคนมาด้วยรถไฟสามารถเดินทางไป-กลับ ระหว่างโตเกียวได้ใน 1 วัน สบายๆ อีกทั้งยังสามารถใช้ “Tokyo Wide Pass” ได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับชาวต่างชาติ ประหยัดค่ารถไฟไปได้เยอะเลย และบางทีก็มีส่วนลดเอาไปใช้ในลานสกี GALA Yuzawa ได้ด้วย

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/AxrS2HX4xRMdEvqV8
  • ช่วงเวลาให้บริการ : กรุณาตรวจสอบจากเวบไซด์ของลานสกี
  • วิธีเดินทาง : จากสถานี Tokyo นั่ง Jōetsu Shinkansen มาลงสถานี Gala Yuzawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ลานสกี Gala Yuzawa ตั้งอยู่ที่เมืองยูซาวะ (Echigo-Yuzawa)  จังหวัดนีงาตะ (Niigata) ลานสกีแห่งนี้เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ มือใหม่ยังไม่เคยเล่น ที่นี่มีคอร์สสอนเล่นสกี ที่สำคัญเลยที่นี่มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยได้ จะคอยช่วยสอนเราด้วย นอกจากสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็น ถาดเลื่อน สโนว์โมบิล หรือส่วนของ Kids Zone สำหรับเด็กๆ

สำหรับใครที่จะมาเล่นสกี สโนว์บอร์ดหรือกิจกรรมอื่นๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์เลย เพราะที่นี่มีบริการให้เช่าอุปกรณ์ครบทุกอย่างเลยค่ะ หรือถ้าอยากซื้อเป็นของตัวเอง มีร้านค้าที่ขายของอุปกรณ์เล่นสกีพร้อมเลย

ที่นี่ยังมีบริการสปา ซาวน่าอีกด้วยซึ่งจะอยู่บริเวณชั้น 3 ของสถานี Gala Yuzawa เลย หลังจากเล่นสกีเสร็จก็สามารถไปผ่อนคลายกันได้

นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารวิวดี ติดลานสกี มีเมนูอาหารอร่อยๆหลายอย่าง ร้านเครปที่เพิ่งมาเปิดใหม่ก็แนะนำอยากให้ลอง เป็นเครปที่มีซะซะดังโหงะของชึ้นชื่อจังหวัดนีงาตะใส่ไว้ด้วย และตัวแป้งเครปนั้นทำจากข้าวของจังหวัดนีงาตะด้วยค่ะ

Sengoku 

ออกจากลานสกี GALA  Yuzawa สถานที่ต่อจากนี้ไป เราแวะทานข้าวระหว่างทางกันก่อนเดินทางต่อที่เมืองมินามิอุโอนุมะ (Minamiuonuma) เป็นร้านอาหารสไตล์อิซากายะ แต่มีมื้อกลางวันขายด้วย ที่เมืองนี้เป็นแหล่งปลูกข้าวคุณภาพที่ดีและอร่อยที่สุดของญี่ปุ่นเลย “พันธุ์โคชิฮิคาริ”​ นั่นเองร้านอาหารชื่อ “Sengoku” สำหรับคนมาโดยรถไฟก็เดินทางมาง่ายๆ เดินทางโดยรถไฟจากสถานีเอจิโกะยุซาว่าใช้เวลา 20 นาที (รถไฟ Rapid ใช้เวลา 16นาที)  ลงที่สถานี Muikamachi เดินมาแค่ 2 นาทีก็จะถึงร้านอาหาร
อาหารทะเลอร่อย สดใหม่และราคาไม่แพง ใครที่ทานปลาดิบไม่ได้ มีปลาอย่าง มีผักมีเทมปุระต่างๆให้เลือก

พิกัด : https://goo.gl/maps/UBvpqU8cMVSCSjE27

Kamakura no sato

หลังจากมื้อกลางวัน เราจะเดินทางข้ามจังหวัดกันเพื่อไปพักที่เมืองออนเซ็นอันขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโน่กันค่ะ “ชิบุออนเซ็น” ซึ่งระหว่างทางนั้นช่วงฤดูหนาวจะมีเทศกาลกระท่อมหิมะหรือคามากุระด้วย ที่ Kamakura no sato เมือง Iiyama, Nagano

Kamakura no Sato จะมีเทศกาลที่จัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ จัดขึ้นที่เมืองอียามะ จังหวัดนากาโนะ คามาคุระหรือกระท่อมหิมะ ที่นี่ตั้งอยู่เรียงรายประมาณ 20 หลังด้วยกัน เราสามารถไปชมความสวยงามพร้อมกับใช้เวลาพักผ่อนและดื่มด่ำบรรยากาศในกระท่อมหิมะของที่นี่ได้ค่ะ แต่ควรจองไปล่วงหน้า

ในช่วงเวลากลางคืนที่นี่ยังมีไลท์อัพให้ได้ชมกัน แสงไฟสว่างไสวในตอนกลางคืนสร้างบรรยากาศให้บริเวณกระท่อมดูสวยโรแมนติกมากๆเลยค่ะ

ข้อมูลทั่วไปของ Kamakura no Sato

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/5e7jtz4Ah4WVH65N7
  • ช่วงเวลาจัด : ปลายเดือนมกราคม ถึง ปลายเดือนกุมภาพันธ์
  • วิธีเดินทาง : จากสถานี Iiyama นั่งบัส (急行戸狩温泉スキー場線) ลงป้าย Shinanodaira  ประมาณ 12 นาที

นอกจากนี้เรายังสามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของที่นี่ได้ เช่น โนโรชินาเบะ (คือหม้อไฟซึ่งเป็นอาหารของคนท้องถิ่น) นั่งทานนาเบะอุ่นๆในกระท่อม ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบที่หาได้จากเมือง มีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ในกระท่อมหิมะหลังสุดท้าย ไปไหว้พระขอพรได้ด้วย

Shibu Onsen

หลังจากนั้นไม่นานเราก็ขับรถมาถึงเมืองอนเซ็นขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะ ชิบุอนเซ็น (Shibu Onsen)

ชิบุอนเซ็น (Shibu Onsen)เป็นเมืองอนเซ็นเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่เมืองยามาโนอุจิ (Yamanouchi) จังหวัดนากาโนะ (Nagano) เมืองอนเซ็นในบรรยากาศอันเงียบสงบสัมผัสถึงบรรยากาศญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่นี่เหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ รายล้อมไปด้วยเหล่าที่พักเรียวกังมากมาย

จุดเด่นของเมืองอนเซ็นที่นี่คือมีบ่อนเซ็นสาธารณะให้เราได้เดินแช่มากถึง 9 บ่อ ซึ่งแต่ละบ่อมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น ช่วยเรื่องอาการปวดข้อ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ช่วยปรับสมดุลร่างกายของผู้หญิง เป็นต้น

ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของอนเซ็นที่ไม่เหมือนใครทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมมากในหมู่คนญี่ปุ่นที่นิยมมาพักผ่อนและบางคนก็ต้องการมาแช่อนเซ็นเพื่อการรักษานั่นเอง

การแช่อนเซ็นทั้ง 9 บ่อนี้ หากเราพักที่เรียวกังหรือโรงแรมของที่นี่ ที่โรงแรมจะมีกุญแจให้สำหรับเข้าแช่ทั้ง 9 บ่อ ซึ่งเราสามารถเดินแช่ได้เลย

Kokuya Ryokan Shiba Onsen

แนะนำที่พัก Kokuya Ryokan Shiba Onsen เป็นโรงแรมที่เราเข้าพักกันสำหรับคืนแรกของทริปนี้

“Kokuya Ryokan Shiba Onsen” ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นใจกลางเมืองชิบุอนเซ็น โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งบัสรับส่งฟรีระหว่างสถานีกับโรงแรม แต่เรามาจากที่จอดรถทางโรงแรมมีรถตุ๊กตุ๊กๆไปรับถึงที่จอดรถเลย

  • ข้อมูลทั่วไปของโรงแรม Kokuya Ryokan Shiba Onsen
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/AreAzvt2aDvgUwaX9
  • วิธีเดินทาง : จากสถานี Nagano นั่งรถไฟสาย Nagano-Dentetsu ไปลงสถานี Yudanaka (ประมาณ 1 ชั่วโมง) รถโรงแรมมีบริการไปรับที่สถานีรถไฟเลยค่ะ

ภายในห้องพักมีห้องอาบน้ำและห้องน้ำให้ทุกห้อง และห้องพักเกือบทุกห้องมีบ่อแช่อนเซ็นส่วนตัว! ถ้าห้องไหนไม่มีบ่อแช่ส่วนตัว สามารถใช้บริการ Private Onsen อนเซ็นที่เป็นห้องส่วนตัวได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย แค่จองเวลาก่อนที่จะเข้าใช้ก่อนเท่านั้น

ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยได้ด้วย แล้วทางโรงแรมก็ชอบคนไทยมากๆ มีธงไทย มีรถตุ๊กตุ๊ก …. และที่ต้องพูดถึงเลยคือ อาหารที่นี่อร่อยมาก! รสชาติดีทั้งมื้อเย็นแบบไคเซกิ และ มื้อเช้าแบบญี่ปุ่น ที่สำคัญอาหารจานต่อจานจะใส่ใจทุกรายละเอียดและแขกผู้เข้าพักทุกคน ใครแพ้อะไร ทานอะไรไม่ได้ ทางโรงแรมจะจำรายละเอียดได้หมดเลย

Day 2 ไปดูลิงแช่อนเซ็น Snow Monkey Park – ไปไหว้พระ Zenkoji – กินขนมอร่อยๆที่ Nakamise – อาหารพื้นเมือง Seiro mushi  – พักที่โรงแรม Hakuba Tokyu Hotel

Snow monkey park

จากเมืองชิบุอนเซ็นที่เราพักเมื่อคืน เดินทางไป Snow monkey park ไม่ไกลขับรถไปประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวส่วนมากเลยไม่พลาด เวลามาพักที่ชิบุอนเซ็นก็ต้องไปดูลิงหรือไปดูลิงแล้วกลับมาพักที่ชิบุอนเซ็น

คนญี่ปุ่นจะเรียกที่นี่ว่า Jigokudani Monkey Park ที่นี่ตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำ Yokoyu ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Joshinetsu Kogen 

Jigokudani มีความหมายว่า “หุบเขานรก”

Snow Monkey Park สามารถมาดูลิงได้ตลอดทั้งปี ในช่วงเดือนเมษา – พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่ลิงจะคลอดลูก มาแล้วจะได้เจอลูกลิงเพิ่งเกิดน่ารักๆ แต่ต้องบอกว่าเดินไกลมากนะคะ ถ้าเป็นฤดูหนาวหิมะตก ระวังลื่นและใช้เวลาเดินขึ้นเขาไปนานเหมือนกันค่ะ ราวๆครึ่งชั่วโมงเลย ระหว่างทางมีวิวที่สวยงาม สามารถแวะถ่ายรูปพักเหนื่อยกันเป็นระยะๆได้

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/xEfuLKjXmZ6dSNCw8
  • เวลาทำการ : ฤดูร้อน 8.30 – 17.00, ฤดูหนาว 9.00 – 16.00 
  • ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน
  • วิธีเดินทาง : จากสถานี Yudanaka นั่งบัสสาย Kanbayashi ไปลงป้าย Kutsunomimyo เดินต่อประมาณ 3.1 กม. หรือ จากสถานี Nagano นั่งบัสสาย Express Shiga Kogen ลงป้าย Snow Monkey Park เดินต่อประมาณ 3.8 กม.

Zenkoji

เดินทางกันต่อ เราจะไปไหว้พระกันที่วัดเซ็นโคจิ เมื่อมาถึงนากาโนะอยากให้แวะมากันจริงๆ กล่าวกันว่าทีนี่เป็นวัดพุทธแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองนากาโนะ

อาคารหลักด้านในห้ามถ่ายรูป แต่ครั้งนี้เราได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ ด้านในจะเป็นปรัมพิธีสวดวัด ทุกเช้าจะมีพระจากทั้งหมด 39 แห่งมารวมตัวสวดมนต์ทุกเช้า ที่วัดเซ็นโคจิไม่แบ่งแยกชนชั้น ไม่แบ่งแยกนิกายและไม่จำกัดความศรัทธาของสตรีในพุทธศาสนา ทำให้องค์ประธานสวดมีพระที่เป็นสตรีด้วยทำให้คนจากหลากหลายทั่วสารทิศต่างศรัทธาและมาเคารพไหว้พระขอพรกันที่นี่

จนมีคำกล่าวโบราณของญี่ปุ่นที่ว่า “เป็นวัดที่ต้องไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต”

ตัวอักษรที่เขียนด้วยคันจินั้นซุกซ่อนรูป​ “นกพิราบ” อยู่ 5 ตัว ให้ลองสังเกตกันดีๆนกพิราบที่วัดนี่มีเยอะมาก ซึ่งนกพิราบนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ดังนั้นที่ประตูซันมงที่เราขึ้นไปด้านบนได้นั้น จะติดกรงไว้กันนกพิราบเข้ามาด้านในซึ่งบนนี้จะมีองค์พระแม่กวนอิมอยู่อีก 100 องค์

ก่อนถึงอาคารหลัก ด้านขวามือจะมีรูปพระโพธิสัตว์ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ในภพภูมิต่างๆทั้ง 6 ภพ ได้แก่ นรก เปรต สัตว์ อสูร มนุษย์และสวรรค์

ด้านในปรับพิธีหรือที่ทำพิธีสวด เป็นเขตด้านใน “ห้ามถ่ายรูป” จะมีองค์พระโพธิสัตว์ 25 องค์ เป็นเรื่องราวของเหล่าองค์พระโพธิสัตว์ที่ขี่เมฆมารับผู้มีจิตศรัทธาไปสู่สรวงสวรรค์

นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่ได้รับมาจากราชวงศ์ไทย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สวยงามมาก ตั้งอยู่ด้านหน้าทางลงไปใต้ดิน

ซึ่งเป็นสถานที่มืดมาก ข้างล่างนี้อยากให้เดินไปเอามือสัมผัสกำแพงไปด้วย

เพราะเราจะผ่านสลักประตูที่ได้พูดกันว่านี้คือ “Key to paradise” กุญแจสู่สวรรค์ จับแล้วเขย่าเบาๆจะทำให้บุญบารมี สิ่งมงคลตกลงมาใส่ตัวเรา เพราะด้านบนเป็นที่สถิตย์ขององค์พระพุทธรูปองค์แรกของประเทศญี่ปุ่นตำแหน่งพอดีๆกันเลย

สุดท้ายนี้อย่าลืมลูบองค์พระบินซุรุ เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

บริเวณหน้าวัดระหว่างประตู Niomon และประตู Sanmon จะมีถนนคนเดินชื่อว่า Zenkoji Nakamise Street เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของฝากของที่ระลึก รวมถึงร้านของกินอีกมากมาย

Monzensaryo Yayoiza

แนะนำร้านอาหารพื้นเมือง Monzensaryo Yayoiza อยู่ใกล้วัดเซ็นโคจิ เป็นร้านอาหารที่ปรับปรุงจากร้านค้าเสื้อทาทามิ ให้เป็นบ้านคนอยู่อาศัยซึ่งบรรยากาศภายในยังคงบรรยากาศบ้านเก่า ตกแต่งด้วยของใช้แบบเดิมคลาสสิคมาก

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/yJxbWPuXHCVSDs4SA
  • เวลาทำการ: 11.30 – 20.00 น. (หยุดวันอังคาร, วันพุธที่ 2 และวันจันทร์ที่ 3 ของเดือน)
  • วิธีเดินทาง : 
  • – นั่งสายใต้ดินจากสถานี Nagano ไปลงสถานี Zenkojishita 3 ป้าย ประมาณ 4 นาที (170 เยน) และเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
  • – หรือเดินจากสถานี Nagano ประมาณ 30 นาที

มีเมนูชื่อว่า Seiro-mushi นำผักต่างๆของท้องถิ่นมาใส่ถาดนึ่ง ซึ่งถาดนึ่งนั้นเป็นถาดไม้ที่ทำจากไม้สนซาวาระ มีเนื้อวากิว เนื้อหมูคุโรบุตะและเนื้อไก่ให้เลือก หรือจะเลือกเป็นผักล้วนก็ได้ นำไปนึ่งแล้วทานกับน้ำจิ้มพอนสุหรือน้ำจิ้มงา อร่อยมากและเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพมาก

แนะนำว่ามาเดินถนนคนเดินนากามิเสะหน้าวัดเซ็นโคจิ ต้องลองของกินขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะนะคะ คือโอยะกิ ขนมคล้ายมันจูนึ่งค่ะ เป็นแป้งหนาหน่อยด้านในมีไส้ต่างๆ กับร้านพายแอปเปิ้ลชื่อดัง  BENI-BENI คัสตาดแอปเปิ้ลพาย หอมและอร่อยมาก มีเมนูตามฤดูกาลด้วยตอนนี้เป็นคาราเมลพายแอปเปิ้ล

Hakuba Tokyu Hotel

เย็นวันนี้เราไปนอนที่เมืองฮาคุบะ (Hakuba Village) เพราะเช้าพรุ่งนี้เราจะไปลานสกีกัน โรงแรมชื่อ Hakuba Tokyu Hotel

ห้องพักกว้างขวาง มีระเบียงที่สามารถออกไปชมวิวเทือกเขาแอลป์ได้ ก่อนจะมีโควิดตอนค่ำจะมีบาร์และบริเวณพักผ่อนส่วนกลาง ต้องหยุดให้บริการไปก่อน นอกจากนี้ยังมีอนเซ็นให้แช่ด้วย น้ำอนเซ็นจะช่วยให้ผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยหลังจากไปเล่นสกีและยังทำให้ผิวพรรณดีด้วย

พิกัด : https://goo.gl/maps/cdacQwg1UwcCxRvP6

มื้อเย็นที่โรงแรมเป็นอาหารฟิวชั่น อาหารญี่ปุ่นแต่จัดเสิร์ฟใส่จานสวยงาม มาเป็นคอร์สเลย อร่อยทุกอย่างจริงๆ

Day 3  เล่นสกีที่ Hakuba iwatake snow field – กินขนม ร้าน Apple & Roses

Hakuba iwatake snow field

เช้าวันนี้เราไปลานสกี Hakuba iwatake snow field ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก ที่นี่เป็นลานสกีที่อยู่ห่างจากตัวเมืองนากาโนะประมาณ 40 กม.และเป็น 1 ในลานสกีที่ Hakuba ที่มีวิวสวยสุดยอด! มีระดับความสูง 1289 เมตร สถานที่เล่นสกีที่สามารถสัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ได้แบบ 360 องศา ที่นี่เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับแอดวานซ์เลย มีคอร์สให้เลือกเล่นหลากหลายถึง 26 คอร์ส เลือกเล่นได้ตามความถนัด

วันนี้เรามาฝึกเล่นสกีด้วย อยากแนะนำอีกอย่างสำหรับมือใหม่ คนไม่เคยเล่น และคนที่เล่นไม่เป็นกันเลย ให้หาอาจารย์ที่สอนสกีได้มาดูแลสอนให้ เพราะการดูแลคนเล่นไม่เป็นเลยต้องใช้ทักษะพิเศษมาก เพราะ instructor หรืออาจารย์เค้าจะรู้ว่า ต้องรับมือหรือต้องป้องกันตอนเราตอนล้มยังไง และวิธีการสอนนับหนึ่งเลยควรเริ่มตรงไหน

เราเองเรียนมา 3-4 ครั้งก็จริงแต่ก็เล่นไม่เป็นเลย มาเรียนอีกก็เหมือนคนหัดใหม่ อาจารย์ต้องใจเย็นมากๆ เริ่มตั้งแต่สอนเบรกก่อนเป็นอย่างแรก ตั้งท่าเป็นเลขแปดในภาษาญี่ปุ่น หรือรูปร่างเหมือนพิซซาชิ้นสามเหลื่ยม แล้วคนสอนก็จะค่อยๆให้เราทรงตัวแล้วไหลๆไปในระยะที่ค่อยๆยาวขึ้น

เราว่าการเรียนสกีสำหรับมือใหม่ ควรให้เวลามากๆ อย่างน้อยต้อง 4-5 ชั่วโมง ถึงจะเริ่มเล่นเองแบบคอร์สได้ง่ายๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นร่างกายต้องพร้อมด้วยนะคะ เพราะการเล่นสกีต้องใช้พลังมากเลยค่ะ กล้ามขาต้องแข็งแรงไม่งั้นจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อ

พิกัด : https://g.page/hakuba-iwatake-snow-field?share

เว็บไซต์ : https://iwatake-mountain-resort.com/winter

ที่ด้านล่างก่อนขึ้นกระเช้าไฟฟ้า จะมีร้านเช่าชุดสกีมีครบทุกอย่าง อันไหนที่เราไม่มีจะซื้อเป็นของตัวเองเลยก็ได้ เช่น หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอต่างๆ

ด้านบนหลังจากที่เรานั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นมาแล้วนั้น กิจกรรมแรกที่เป็นไฮไลท์เลยอย่างนึงคือ นั่งชิงช้า ที่วิวข้างหน้าคือเทือกเขาแอลป์ Yoo-Hoo! SWING ตั้งอยู่ตรงหน้าผาที่ด้านหน้าเป็นวิวที่สุดยอดมากๆ ชิงช้าสองตัว ระหว่างเราเล่นชิงช้าจะมีเปิดเพลงเพิ่มความสนุกสนานไปด้วย

จุดนี้แนะนำให้ถ่ายรูปกันไว้เยอะๆเลย ไม่เหมือนใครแน่นอน

ใกล้ๆกันมี City Bakery (Hakuba Mountain Harbor) มีถิ่นกำเนิดในนิวยอร์ก เป็นคาเฟ่ขายเครื่องดื่มและขนมปังเบเกอรี่ที่อร่อยมาก ด้านหลังเป็นที่นั่งด้านนอกที่วิวเป็นเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆได้เลยเช่นกัน

นั่งลิฟท์ลงมาอีกชั้นของลานสกี จะมี Chavaty Café ที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
สามารถเล่นสกีลงมาที่ร้านนี้ได้เลย หรือคนที่ไม่เล่นสกีก็สามารถนั่งลิฟต์จากด้านบน (Mountain Harbor) ลงมาก็ได้เช่นกันค่ะ
จะนั่งในร้านก็ได้ แต่คนส่วนมากนั่งด้านนอก เพราะวิวสวยมาก เมนูเป็นเครื่องดื่มชาตามชื่อร้านเลย Hot tea Latte, Ice tea Latte,Softcream,และ Scone

Apple & Roses

เราฝึกเล่นสกีกันถึงตอนเย็นก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปหาอะไรทานกัน

เป็นร้านขนม High tea ที่หรูหราแต่ราคาไม่แพงเลย แล้วอร่อยด้วยร้าน Apple & Roses เป็นร้านขนมที่อยู่ระหว่างทาง ตั้งอยู่ที่เมือง Azumino 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/gWb5r8WHA4gXTp3R6
  • เวลาทำการ: 
  • – ฤดูร้อน (เมษายน-ตุลาคม) 10.00 – 18.00 น. เดือนสิงหาคม (เปิดทุกวัน)
  • – ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) 10.00-17.00
  • *ร้านหยุดทุกวันอังคาร ในช่วงฤดูร้อน และหยุดทุกวันอังคารและวันพุธในช่วงฤดูหนาว*
  • วิธีเดินทาง : จากสถานี Hotaka นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือ นั่งบัสที่วิ่งในเมือง Azumino มาลงที่ป้าย Apple & Roses ได้เลย หรือจะนั่งบัส West Loop – Chihiro / Alps Park Line ลงป้าย Vif Hotaka เดินต่อประมาณ 900 เมตร
  • เว็ปไซต์ : http://apple-roses.com/

เจ้าของร้านมีแนวคิดอยากเผยแพร่ความอร่อยของแอปเปิ้ลให้ผู้คนได้มากที่สุด โดยผ่านของหวานบนจานข้างหน้า ทางร้านได้คัดสรรเอาวัตถุดิบที่มีคุณภาพของท้องถิ่นบวกกับนำเอาวัฒนธรรมอาหารของจังหวัดนากาโนะมาใช้ในการปรุงแต่ง

อยากแนะนำให้ลองเมนูแอปเปิ้ลโรส เป็นทาร์ตที่ทำจากแอปเปิ้ลขึ้นชื่อที่ปลูกในจังหวัดนากาโนะเอง รูปแบบสวยงาม เป็นใช้แอปเปิ้ลฝานบางๆมาทำเป็นดอกกุหลาบวางบนลูกแอปเปิ้ลอีกทีค่ะ

หรือจะเลือกเป็นเซ็ตน้ำชายามบ่ายสุดหรูที่เคาน์เตอร์ส่วนตัว ซึ่งราคาเซตนี้อยู่ที่ 7000 เยน ต่อ 2 คน ที่ร้านยังมีชาให้เลือกหลายรสชาติเลยค่ะ นอกจากสาขาที่นากาโนะแล้วยังมีสาขาที่สาขาชิบูย่าและเซี่ยงไฮ้อีกด้วย

Buena Vista Hotel

คืนนี้เรามาพักกันที่เมืองมัตสึโมโตะ ชื่อโรงแรม Buena Vista Hotel โรงแรมใจกลางเมืองมัตสึโมโตะ อยู่ห่างจากสถานที่สำคัญปราสาทมัตสึโมโตะประมาณ 1 กม.

ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมนี้สามารถมองเห็นวิวได้ทั่วๆเมืองมัตสึโมโตะเลย เพราะที่นี่เป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองมัตสึโมโตะ หลายคนนิยมมาจัดงานแต่งงานและถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันที่นี่ มีห้องจัดเลี้ยงกว้างเลย และชั้น 14 ของโรงแรมมีห้องอาหารแบบเทปปังยากิ บาร์ ที่มีวิวสวยมากค่ะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน

ห้องอาหารที่เราไปทานกันอยู่ในโรงแรมเป็นห้องอาหารจีน ที่นี่ยังมีอาหารอื่นๆอีกหลายอย่างให้เลือกนะคะ ห้องพักที่นี่มีหลายแบบค่ะ และสำหรับห้องพักที่เป็น Executive สามารถเข้าใช้ Executive lounge ได้ สามารถเพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม ของว่างเบาๆ น้ำชา กาแฟ และเครื่องดื่มคอกเทลได้

Day 4 เที่ยวเมืองมัตสึโมโตะ – แต่งชุดกิโมโนเดินเล่นปราสาทมัตสึโมโตะ – ถนนนาวาเตะ (Nawate Street) – ถนนคนเดินนากามะจิ Nakamachi – เก็บสตรอว์เบอร์รี่ -ไปพักเมืองอนเซ็น Hayataro Onsen

วันนี้เราจะเที่ยวกันในเมืองมัตสึโมโตะ สบายๆกันหนึ่งวันหลังจากไปเล่นสกีกันมาเมื่อวานนี้ มือใหม่ก็จะมีอาการปวดขาเล็กน้อย 5555 

Hanakomichi

เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเดินชมปราสาทมัตสึโมโตะ เช้านี้เราไปเช่าชุดกิโมโนกันที่ร้าน Hanakomichi ต้องไปกันเช้าหน่อย เพราะร้านนี้มีบริการทำผมให้ด้วยค่ะ ต้องเผื่อเวลาทำผมและแต่งชุดกิโมโน มีชุดให้เลือกหลายสีหลายลาย แต่ที่สะดุดตามากๆเลยคือโอบิ หรือผ้าคาดเอว ที่ร้านนี้เค้ามีลายแมวด้วย น่ารักมากๆเลย นอกจากนี้ยังมีชุดยูคาตะ ฮาคามะ นินจา ชุดเกราะ ให้เช่าอีกด้วย

ราคาค่าเช่าอยากให้ตรวจสอบกับเวบไซต์ของร้านอีกครั้งนะ https://hanakomichi-k.com/eng/

พิกัด : https://goo.gl/maps/UxCz32oV9dgBkG199

Matsumoto Castle

จากร้านแต่งชุดกิโมโน เดินไปนิดเดียวก็ถึงทางเข้าด้านหน้าปราสาทมัตสึโมโตะ 


ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) หรือปราสาทอีกาดำ ปราสาท 5 ชั้นพื้น 6 ชั้นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ เป็น 1 ปราสาทที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2135 โดยตระกูลอิชิคาวะ ซึ่งถือว่านานมาก มีอายุมากกว่า 400 ปี และผ่านการดูแลจาก 6 ตระกูลดังในอดีต

มีการบูรณะอยู่ 2 ครั้ง แต่การบูรณะซ่อมแซมทั้ง 2 ครั้ง ไม่มีการนำเหล็กหรือปูนซีเมนต์ใช้ในการซ่อมแซมเลย ถือว่าทั้งปราสาทนั้นเป็นอาคารไม้ทั้งหลัง และคงสภาพเดิมเกือบร้อยเปอร์เซนต์ 

และที่นี่เป็นปราสาทแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่มีองค์ปราสาทประกอบไปด้วย ป้อมปราการและลานชมจันทร์ไว้ในที่เดียวกัน ลานชมจันทร์มีไว้รับรองแขก ขุนนางชั้นสูงหลังจากการเดินทางไปสักการะไหว้พระที่วัดเซ็นโคจินั่นเอง

พิกัด : https://goo.gl/maps/LpRXdMWxEvtHkaMU8

ในช่วงฤดูหนาวจากตัวปราสาทสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของเจแปนแอลป์ด้วย ที่นี่เป็นอีก 1 สถานที่ที่มีเสน่ห์มาก เพราะนอกจากจะมีประวัติศาสตร์น่าค้นหาแล้วยังมีความงดงามของแต่ละฤดูให้ได้เห็นกัน ฤดูใบไม้ผลิจะมีซากุระบานสวยงาม และดอกฟูจิ(หรือวิสเทอเรีย)ให้ชมกัน

Nawate Dori

นอกจากเดินชมตัวปราสาทมัตสึโมโตะแล้วใกล้ๆกันมีถนน “Nawate Dori” ที่อยู่ติดกับแม่น้ำ Metoba เป็นถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านขายของฝากและให้บรรยากาศญี่ปุ่นโบราณๆ บางคนเรียกที่นี่ว่า “ถนนแห่งกบ” เพราะตามร้านของฝากต่างๆจะเต็มไปด้วยของฝากที่เป็นน้องกบ หน้าทางเข้าก็จะเจอกับรูปปั้นกบใหญ่มาก ใกล้ๆกันมีศาลเจ้าด้วย

ถนนแห่งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีคนเดินทางมาไหว้พระกันที่ศาลเจ้า ทำให้เกิดร้านค้ามากมาย ว่ากันว่าพอมีร้านค้าก็มีขยะ แม่น้ำสกปรกทำให้กบไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้ต้องมีการปรับปรุงพื้นที่กันใหม่ ร้านค้าเป็นร้านขายของเท่านั้นห้ามอาศัยอยู่และดูแลน้ำให้กลับมาสะอาดเหมือนเดิม น้องกบก็กลับมาอาศัยอยู่ที่แม่น้ำได้เหมือนเดิม

ถนนตรงนี้เลยเรียกว่า “ถนนกบ” นั่นเอง

พิกัด : https://goo.gl/maps/sJqf6sEX5Uxr36St9

มีศาลเจ้ากบเล็กๆอยู่ตรงกลางถนนด้วย

คำว่า คาเอะรุ ในภาษาญี่ปุ่น ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกัน แปลได้ว่า 

กบ (蛙)  และ กลับ(มา) (帰る) คนเลยมาเขียนแผ่นไม้เอมะ ขอให้สิ่งที่ตัวเองอยากได้หรือคาดหวังไว้ ให้กลับมา เช่น ขอให้เงินกลับมา (Okane ga kaeru) ขอให้งานกลับมา (Shigo ga kaeru) ขอให้ความรักกลับมา (Koi ga kaeru)  เป็นต้น

Nakamachi

ข้ามสะพานไปอีกนิดจะถึงถนนนากะมะจิ (Nakamachi) เป็นถนนสุดชิลที่สุดในเมืองมัตสึโมโตะแล้วหละ เต็มไปด้วยร้านคาเฟ่ ร้านขนมตกแต่งสวยงาม ตึกอาคารบนถนนนี้ยังคงเอกลักษณ์บ้านและโกดังเก็บของเก่าตั้งแต่อดีต เป็นอาคารปูนฉาบสีขาวตัดสลับกับลายสีดำ ทำให้ทั้งถนนดูเป็นถนนคนเดินที่เหมือนอยู่กันมาตั้งแต่อดีต อาคารบางหลังอยู่มาตั้งแต่โบราณ บางหลังก็สร้างขึ้นมาใหม่

พิกัด : https://goo.gl/maps/JmhX15ZYpuWJNfTa6

Miharashi Farm

เที่ยวกันเต็มอิ่มในเมืองมัตสีโมโตะ เราไปกันต่อที่ฟาร์มผักและผลไม้ Miharashi Farm เราจะไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่กันต่อ

Miharashi Farm ฟาร์มผักและผลไม้ขนาดใหญ่ในเมืองอินะ (Ina) จังหวัดนากาโนะ ที่มีกิจกรรมให้ทำกันตลอดทั้งปี มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะมาก

กิจกรรมทำอาหาร เช่น โซบะ เต้าหู้ แยมผลไม้  ผลไม้ปั่น หรือแม้แต่การเก็บผัก/ผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกันได้ในแต่ละฤดูไม่ว่าจะเป็นการเก็บสตอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล องุ่น บลูเบอร์รี่ หรือถ้าเป็นผักก็จะมี หน่อไม้ฝรั่งและข้าวโพดหวาน

และในช่วงนี้ก็จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากการเก็บสตรอว์เบอร์รี่  สตรอว์เบอร์รี่ของที่นี่ลูกใหญ่หวานฉ่ำมาก มีให้เลือกเก็บถึง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Akihime(จากชิสึโอกะ มีรสหวานฉ่ำ) Nyoho (จากโทจิงิ มีรสหวานอมเปรี้ยว) Beni-hoppe (จากชิสึโอกะ ลูกใหญ่สีแดงสดใสมีรสเปรี้ยวหวานบาลานซ์กันพอดี) ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน เลือกชิมได้ตามรสชาติที่ชอบเลย สามารถกินเท่าไหร่ก็ได้ภายใน 50 นาที ราคาตั้งแต่ 1200-1900 เยน แล้วแต่เดือนไหน

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/U6ZQGf5jH9Pf6oA36
  • เวลาทำการ : 9.00 – 17.00  (เก็บสตรอว์เบอร์รี่ 9.00-15.00 น.) สวนเปิดตลอดทั้งปี
  • วิธีเดินทาง : จากสถานี Inashi นั่งบัสไปลงป้าย Miharashi Farm Mae ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่ารถ 470 เยน
  • เว็ปไซต์ : https://miharashi-farm.com/

Komagane Kogen Resort Linx

คืนนี้เราไปพักกันที่เมืองอนเซ็น Hayataro Onsen

Komagane Kogen Resort Linx รีสอร์ทสไตล์ยุโรปตั้งอยู่ที่ตีนเขาแอลป์ ที่สามารถสัมผัสกับธรรมชาติในตอนกลางวัน และดาวที่เต็มท้องฟ้าในช่วงเวลากลางคืน

นอกจากนั้นยังมีการถ่ายทอดสดกระรอกบินผ่านอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในป่าใกล้ๆให้ชมกันด้วย (จริงๆมีกิจกรรมพาออกไปดูกระรอกบินด้วย) และมีพื้นที่สำหรับการจัดงานแต่งงานด้วย

ที่ชั้น 1 ใกล้ล็อบบี้ มีห้องอเนกประสงค์ ใช้เป็นห้องรับรอง ใช้งานได้หลากหลายเลย เช่น จัดเป็นห้องรับรองงานแต่งงานหรือจัดงานประชุมก็ได้

แต่ที่ต้องแนะนำกันเลย คือ อาหารของโรงแรมนี้ หลายคนมาพักที่นี่เพราะอาหารที่นี่เลย ได้รับรางวัลจากเวบไซด์ญี่ปุ่นว่าเป็นห้องอาหารที่มีรายการอาหารให้เลือกทานเยอะและอร่อยมาก วัตถุดิบจากท้องถิ่น ทำใหม่ๆผักสดกรอบอร่อย เนื้อสเต็กอย่างดีนุ่ม เนื้อหมูเนื้อปลาไปจนถึงของหวาน เมนูหลากหลายครบครันจริงๆค่ะ มื้อเย็นช่วงโควิดจะจัดเป็นรอบๆ รอบละ 90 นาที

ห้องพักของเรามองเห็นวิวด้านนอกสวยงาม เป็นเตียงคู่ ในห้องมีห้องอาบน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำไว้ให้พร้อม

Day 5 กิจกรรมเดินบนหิมะ สโนว์ชู ที่ Senjojiki – ทานอาหารขึ้นชื่อของเมืองโคมากะเนะ “ซอสคัตสึด้ง”- แวะกินซอฟครีม Komagane Farm – พักที่เมืองอนเซ็น Kamisuwa Onsen

Senjōjiki Cirque

เช้าวันนี้เราออกเดินทางไปเซ็นโจจิคิเคิร์ลกัน ซึ่งการเดินทางนั้นสะดวกมากกว่าที่คิด การเดินทางขึ้นไปบนยอดเขานั้นต้องใช้รถบัสและกระเช้าลอยฟ้า *ห้ามรถยนต์ส่วนบุคคล ดังนั้นเราต้องไปขึ้นรถบัสกันที่สถานีรถบัสสุกะโนะได บัสเซนเตอร์ (Suganodai Bus Center) เพื่อไปต่อกระเช้าลอยฟ้าที่สถานีชิราบิไดระ (Shirabidaira)

ค่าขึ้นกระเช้าไปกลับ รวมรถบัส 3,370 เยน

พิกัด : https://goo.gl/maps/wogFb9kSiCy6oTMc6

  • สถานีรถบัสสุกะโนะได บัสเซนเตอร์ ตั้งอยู่ที่ความสูง 850 เมตร
  • สถานีชิราบิไดระ ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,662 เมตร

กระเช้าลอยฟ้ามีชื่อว่า Central Alps Komagatake ออกจากสถานีชิราบิไดระ (Shirabidaira) ไปส่งเราที่สถานีเซ็นโจจิคิ (Senjojiki)  ใช้เวลาประมาณ 7.5 นาที 

สถานีเซ็นโจจิคิ ตั้งอยู่บนความสูง 2,612 เมตร เป็นสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในวันที่อากาศดีเราจะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย

เรามาถึงในวันที่ฟ้าปิด อากาศไม่เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้เจอฟ้าใส เราเช่า snowshoes มาใส่เดินบนหิมะ เพื่อออกไปชมวิวรอบๆเทือกเขาด้านนอก

เซ็นโจจิคิเคิร์ลเป็นแอ่งรูปถ้วยที่ถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะตั้งแต่อดีต จากสถานีกระเช้าลอยฟ้า ใส่ snowshoes พร้อมแล้ว เราก็เดินออกไปชมวิวด้านนอกกันได้เลย

ข้อควรระวังคือ ไม่ควรเดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นและช่วยกันรักษาป่าแห่งนี้ด้วย

ตรงสถานีกระเช้าลอยฟ้า มีโรงแรมเซ็นโจจิคิ ร้านอาหาร สามารถหลบหนาวได้หรือหาของกินได้ที่นี่ 

เซ็นโจจิคิ มาเที่ยวได้ทั้งปี ฤดูร้อนจะกลายเป็นทุ่งดอกไม้ ฤดูใบไม้ร่วง ได้รับความนิยมไม่น้อยค่ะ ที่อากาศเย็นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงฤดูร้อนประมาณ 20 องศา และฤดูหนาวลดต่ำสุดถึง -20 องศาเลยทีเดียว ดังนั้นควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น

Meijitei

เราอยู่ที่เมืองโคมากะเนะ ต้องไม่พลาดเมนูขึ้นชื่อของเมืองนี้ “ซอสคัตสึด้ง” ร้านที่เราไปทานกัน ชื่อร้าน Meijitei สาขา โคมากาเนะ ตั้งอยู่ที่ถนนชูโอะแอลป์ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องซอสคัตสึด้ง

เป็นเมนูของทอดที่ราดซอสสูตรเฉพาะของที่นี่โปะบนชามข้าว ประมาณเยอะมาก ซอสมีรสชาติเข้มข้น จะสั่งเป็นข้าวหน้าหมูทอดราดซอสก็ได้ หรือ กุ้งทอดตัวใหญ่ราดซอสก็อร่อย หาทานได้ทั่วไปที่เมืองโคมากะเนะเลยค่ะ

Komagane Farm

หลังจากนั้นแวะทานไอศกรีมกัน เพราะว่าที่เมืองนี้มี “นม” อร่อย ไอศกรีมหรือซอฟครีมรสนมไม่ควรพลาดเลย 

เรามาที่ Komagane Farm ในบริเวณเดียวกันนี้มีโรงงานเล็กๆแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ทำขนมปัง นม โยเกิร์ตและแฮมจำหน่าย ชื่อว่า Suzuran House Komagane

ซอฟครีมรสนมที่ทำจากนม Suzuran 100% แนะนำเลยว่าดีเข้มข้นหอมหวานนมมากๆ

พิกัด : https://goo.gl/maps/YY1GZkHoeUWtV5Sg7

Rako hananoi hotel

คืนนี้เราไปพักที่เมืองอนเซ็น Kamisuwa Onsen โรงแรม Rako hananoi hotel ที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบซูวะ

สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบได้จากห้องพัก หรือ อนเซ็นในโรงแรม ทางโรงแรมได้เปิดให้บริการชั้นรูฟท็อป (Kohanno Terrace) เพื่อให้แขกที่เข้าพักได้พักผ่อนอย่างสะดวกสบายพร้อมไปกับการชมวิวของทะเลสาบซูวะโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติ่ม วิวด้านบนมองไปเห็นภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบ และพระอาทิตย์ตกดินสวยงามมาก (*อาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าบริการหลังจากเดือนเมษายนเป็นต้นไป)

ห้องพักที่นี่มีหลายแบบมากเลยทั้งห้องเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น ห้องเตียงสไตล์ตะวันตก  ห้องพักดีลักซ์ที่มีอ่างจากุซซี่ให้ใช้งานด้วย

Day 6  กิจกรรมเดินบนหิมะ สโนว์ชู ที่ Kita Yatsugatake Ropeway – ทานเจลาโต้ 

Kita-Yatsugatake Ropeway

Kita-Yatsugatake Ropeway กระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เดินทางไปยังบนยอดเขา Yokodake ที่มีความสูง 2,237 เมตร เพียง 7 นาที เพื่อชมทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ สามารถมาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี กระเช้าวิ่งทุกๆ 20 นาที ถ้าช่วงที่คนเยอะก็จะวิ่งทุกๆ 10 นาที ที่สำคัญตัวกระเช้าสามารถจุคนได้มากถึง 100 คนเลย

เป็นสถานที่ชมวิวเทือกเขาที่งดงามมากๆแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งกระเช้าสามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อันงดงามจากหน้าต่างของกระเช้าได้  ที่นี่ได้รับความนิยมกันมากในหมู่นักปีนเขาและนักเล่นสกีสโนว์บอร์ด

Yokodake มีทิวทัศน์สวยงามตลอดทั้งปี ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เพลิดเพลินไปกับความเขียวขจีของพันธุ์ไม้บนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม ตื่นตาไปกับสีสันของฤดูใบไม้ร่วง  และตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนมีนาคม สนุกกับกิจกรรมสโนว์ชูท่ามกลางหิมะปกคลุมบนเขา

ที่เรามากันในครั้งนี้ก็จะมาชม Snow Monsters จากจุดนี้กัน ด้วยการใส่สโนว์ชูเดินบนหิมะเพื่อไปชมปีศาจหิมะใกล้ๆ

เราต้องเช่าอุปกรณ์ทั้งหมดจากข้างล่างก่อนขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามานะคะ จะมีจุดให้เช่าตรงลานสกีด้านล่างเลย แนะนำว่าให้ใส่สโนว์ชูเพราะว่าหิมะทับทมหนามาก ตอนเราเหยีบยไปบนหิมะ ขาเราจะจมลงไปเลย

ที่นี่จะมีการเปิดลานสกีให้บริการในช่วงฤดูหนาวด้วย ซึ่งก็คือ Pilatus Tateshina Snow Resort สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีให้ได้มาท้าทายและโชว์สกิลการเล่นได้ หรือแม้แต่การเดินป่าที่เป็นอีก 1 กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมาก มีหลายเส้นทางและหลายคอร์สให้เลือกเดิน

Yama no Cafe 2237

คาเฟ่วิวดีที่อยากแนะนำให้แวะไปชมวิวสวยๆ “Yama no Cafe 2237″ คาเฟ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาของกระเช้าลอยฟ้าที่ระดับความสูง 2,237 เมตร ระเบียงด้านนอกจะมองเห็นวิวมุมกว้างสวยงามมากเลย

Gelateria Picco

ก่อนจบทริปตลอด 6 วันที่เดินทางกันมา ทานมื้อกลางวันกันสบายๆ แวะทานเจลาโต้ระหว่างทางอีกร้านที่อร่อยมากกกกก Gelateria Picco เจลาโต้แบบ Handmade ที่ผลิตออกมากว่า 45 ชาติ ทุกๆวันจะมีรสชาติพิเศษสลับสับเปลี่ยนกันไปมากถึง 12 รสชาติและทำใหม่ทุกวัน

เราได้วิธีการทานแบบเอาเจลาโต้ใส่เมลอนปัง เพิ่มความอร่อยไปอีกขั้นเลย เจลาโต้ก็อร่อย เมลอนปังก็อร่อย ยิ่งทำให้อยากทานอีกติดใจเมลอนปังของร้านนี้มากๆเลย อบใหม่ร้อนๆ เจลาโต้อร่อยทุกรสชาติ ที่ร้านน่าจะเข้าใจลูกค้าว่าอยากชิมหลายๆรสชาติ เลยมีให้เลือกทั้งแบบ single-double-triple สามรสชาติในอันเดียว

แล้วก็กลับสู่โตเกียว จบทริป ขับรถเที่ยว นีงาตะ นากาโน่ 6 วัน เป็นรูทที่เที่ยวสนุกมากๆเลย ขอแนะนำ!

Facebook
Pinterest
Twitter
แอด อ้น

แอด อ้น

แอดอ้น แอดมินเพจ Go!Graph Japan เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากกว่า 50 ครั้ง ไปเกือบทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว งอกทริปไปญี่ปุ่นเก่ง สามารถให้คำตอบวิธีเที่ยวญี่ปุ่นได้หลายแบบ ความสามารถแลกเงินเยนเมื่อไร เงินเยนลดทันที