Aomori Hirosaki Sakura ชมซากุระ ฮิโรซากิ อาโอโมริ หนึ่งในจุดชมซากุระสวยที่สุดในญี่ปุ่น

Aomori Hirosaki Sakura

Aomori Hirosaki Sakura เตรียมตัว! จะไปชม โทโฮคุซากุระ เราต้องทำอย่างไรบ้าง?


ไปญี่ปุ่นอย่าลืมใช้โค้ดของ GGJP! รวมคูปองส่วนลดในญี่ปุ่น Donki/ตึกม่วง Takeya/ประกัน Sompo
www.gographjapan.com/category/คูปองส่วนลดญี่ปุ่น/

เช็คพยากรณ์ซากุระ

ก่อนที่เราจะไปเจอ โทโฮคุซากุระ ต้องเริ่มจากวางแผน จองที่พัก จองตั๋วบิน เช่ารถ เราต้องดูก่อนว่าซากุระจะบานเมื่อไร ช่วงก่อนบานหลายๆเดือน จะคอยอัพเดตให้เรื่อยๆ ประเมินไว้ว่าซากุระจะบานช่วงไหน เอาไว้ดูก่อนจะจองตั๋วบิน หรือ รร. แต่ที่แหล่งชมซากุระดังๆ รร.มักเต็มไวมาก ควรจองล่วงหน้าครึ่งปี! หรือข้ามปีไปเลย

พูดจริงเราจองที่ฮิโรซากิไม่ได้เลย ขนาดล่วงหน้า 2 เดือน ต้องไปนอนเมืองข้างๆแทน เพราะงั้นเราแนะนำว่าควรจองโรงแรมล่วงหน้านานๆ สำหรับใครที่คิดจะมา

หลักการดูซากุระให้ได้สวยๆ ให้วิ่งหาที่มันสวยพอดีกับวันที่เราไป ไม่ใช่รอซากุระบานให้พอดีกับที่เราอยู่!! อย่าไปสนใจว่าที่นั้นดังแต่เราไม่ทันก็เหมือนแค่ไปดูกิ่งและใบ ซากุระที่สวยที่สุดคือที่ๆไปแล้วมันตรงกับวันที่บานเต็มพอดี!!! ไม่จำเป็นต้องเป็นจุดดัง!!

มาแอดจะอธิบายการดูซากุระ ก่อนอื่น ดูพยากรณ์แต่ละที่มันบานไม่พร้อมกัน! เพราะงั้นให้ดูทางนี้ก่อน https://s.n-kishou.co.jp/w/sp/sakura/sakura_hw.html

ซึ่งเราต้องรู้ไว้ก่อนว่านี้คือพยากรณ์มันคือการคาดคะเน เพราะฉะนั้นมันมีโอกาสเปลี่ยนได้ตลอดตามสภาพอากาศ เพราะงั้นดูวันไกลๆ คือเพื่อคาดคะเน ให้เราวางแผนพักแบบศูนย์กลางที่หนึ่ง แล้วค่อยเจาะจงดูช่วงพยากรณ์ใกล้ๆถึงจะแม่นยำขึ้น ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง

**แต่ซากุระ ตามที่บอกมักเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ

โดยพยากรณ์ซากุระจะแบ่งระยะ

– ดอกตูม มีปริๆบ้าง อาจมีบานไม่กี่ดอก >

– ช่วงเริ่มผลิ ช่วงนี้จะเริ่มบานหลายดอกทั้งต้นแล้วแต่ยังผสมดอกตูมบ้าง ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ถึงจะ Fullboom ซึ่งช่วงนี้ดูได้สวยแล้ว ซึ่งบานเยอะจนคนนึกว่า Fullbloom แล้ว แต่ยังรอก่อน >

– ระยะ Fullboom คือช่วงที่ดอกบานเต็มที่ทั้งหมด ไม่มีดอกตูม คือช่วงพีคสุดแล้ว แล้วจะดูได้แบบสวยๆ อีก 7 วัน หลังจาก 7 วันก็จะเริ่มโรยไม่ใช่ดูไม่ได้ แต่ไม่สวยเท่าช่วงพีค โรยเร็วช้าขึ้นกับสภาพอากาศ ฝนตกไหม

ประมาณนี้จ้าการดูซากุระ ดูตามลิ้งพยากรณ์ ช่วงเมษาก็ดูได้อีกหลายที่ครับ ไม่ต้องกลัวไม่เห็น ซากุระยังมีอีกหลายพันธุ์ บานช้าก็มี ดูซากุระต้องวิ่งเข้าหา ไม่ใช่รอมันบานพอดีกับวันที่เราไปครับ ยากที่จะไปตรงเป๊ะ

แลัววิธีดูซากุระช่วงที่เราไปว่าสวยหรือไม่ ก็ง่ายๆ เอาชื่อสถานที่ไปค้นหาใน Googlemap หรือ IG แล้วดู recent photo แค่นั้นเราก็เห็นสภาพซากุระปัจจุบันแล้วว

Day 1

โดยนี้เราตั้งใจมาชมซากุระทั้งโทโฮคุและฮอกไกโด ซึ่งจะบานปลายเมษา เราเลือกบินลงทีสนามบิน New Chitose Sapporo แล้วนั่งรถไฟไปอาโอโมริ

แผนของเราวันแรกขึ้นนั่งรถไฟลงไปเริ่มต้นอาโอโมริเลย แล้วค่อยไต่ที่เที่ยวขึ้นมาจนถึงซัปโปโร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เราถึงสนามบินเวลา 8.55 น. ใช้เวลาตรวจตม. กับ รับกระเป๋า ก็ 9.30 ล่ะ เราดูตารางเวลาจาก Hypedia รถไฟที่เร็วที่สุดออก 10.10 น. ก่อนอื่นเราต้องไปแลกตั๋ว JrPass ก่อน ที่แลก JR Ticket Counter จะอยู่ตรงสถานีรถไฟเลย พอออกจากที่รับกระเป๋าเดินตามป้ายไปใช้เวลาเดินประมาณ 10- 15 นาทีได้ ลงใต้ดินก็จะเจอ JR Ticket Counter อยู่ซ้ายมือเลย

เข้าไปต่อแถว แนะนำว่าให้มาเร็วๆ เพราะบางครั้งคิวยาว อาจทำให้พลาดรถไฟได้

ถึงเคาเตอร์ก็ยืนเอกสารการซื้อจากตัวแทนจำหน่าย JR ให้เจ้าหน้าที่ และเป็นตั๋ว JR มา แล้วเราก็สามารถใช้จองตั๋วรถไฟได้เลย อย่างบางขบวนจำเป็นต้องจองคือ ชินคันเชน นั้นเอง วิธีจองง่ายมาก แค่เราใช้ตารางจาก Hyperdia ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูว่าเราอยากไปขบวน เวลานี้ เจ้าหน้าที่ก็จองให้เรียบร้อย จบง่าย ขึ้นรถไฟ!

หลบหนาวหน่อย อากาศเย็นพอสมควร

ไม่นานขบวน Ltd. Super Hokuto ก็มาแล้วเป็นขบวนที่ไว้วิ่งจากซัปโปโรไปถึงฮาโกดาเตะ จริงๆ ฮอกไกโดยังไม่มีชินคันเซนแบบทั่วถึงเลย มีแค่เริ่มต้นจากฮาโกดาเตะลงไปโตเกียว ไม่มีไปซัปโปโร

แกะข้าวกล่องออกมา หน้าตาดี เลย ข้าวกล่องรถไฟจะใช้ของดีประจำเมือง หรือของตามฤดูกาล ข้าวกล่องแต่ละสถานีเลยไม่เหมือนกัน มันคือความสนุกอย่างหนึ่งของนั่งรถไฟญี่ปุ่นเลย

ข้าวหน้าโฮตาเตะ หรือ หอยเชลล์

ข้าวรวมของดีประจำฤดูใบไม้ผลิ

3 ชม. ถึงสถานี Shin-Hakodate พวกสถานีชินคันเซน มักทำทางเชื่อมกับรถไฟปกติไว้สะดวกมาก แบบลงจากรถไฟแล้วเดินไปต่อได้เลย เดินแค่ 50 เมตรเท่านั้น สะดวกมาก

แล้วก็มาแล้วเจ้าเป็ดเขียว Hayabusa เป็นรถชินคันเซนที่เร็วที่สุด 270 กม./ชม. วิ่งตั้งแต่ Hakodate – Tokyo

ชินคันเซนของ JR East ไม่จำเป็นต้องจองที่วางกระเป๋านะ ลากขึ้นได้เลยมีที่เก็บกระเป๋าจะอยู่ส่วนหัวหรือท้ายของตู้ หรือเก็บด้านบน

นั่งสบายมาก ใช้เวลา 1 ชั่วโมงถึงอาโอโมริ ลอดใต้ทะเลจากเกาะฮอกไกโด ไปโผล่อาโอโมริ

เราเปลี่ยนแผนจากตั้งใจว่าไป Odate ที่พักของเราเลย เปลี่ยนไปชมซากุระที่ Hirosaki เลยเพราะเราดูพยากรณ์แล้วว่ามัน Full Bloom แล้ว กลัวว่ารอวันต่อไปจะร่วงหมดก่อน

พอไปถึงสถานีเปลี่ยนไปเส้น JR Ou Line เพื่อไป Hirosaki ก็เจอกับจำนวนคนมหาศาล เนี่ยล่ะนะ ช่วงงานเทศกาลคนก็เยอะแบบนี้เป็นปกติด้วย ยิ่ง Hirosaki เป็นแหล่งชมซากุระอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นด้วย แถมปีนี้ครบรอบ 100 ปีงานเทศกาลซากุระ Hirosaki ด้วย คนก็เลยยิ่งเยอะเข้าไปเยอะ ฮาๆ

แต่ด้วยความคนญี่ปุ่นเนี่ย ถึงคนจะเยอะ แต่ก็ไม่วุ่นวายเลย ไม่มีเบียดกัน เขารอให้คนในรถไฟออกหมดก่อนถึงจะเดินเข้าขบวนกัน ต่อคิวแบบเป็นระเบียบเข้ารถไฟกันจนหมด ดีมากๆเลย สบายใจ

นั่งรถไฟต่ออีก 35 นาที

ระหว่างทางก็เห็นซากุระแบบบานเต็มต้นแล้ว ตื่นเต้น

Hirosaki

พอถึงสถานีเรารีบไปฝากกระเป๋าเดินทาง ตอนแรกห่วงว่าล๊อคเกอร์จะเต็ม แต่พอไปถึงที่สถานีฮิโรซากิมีล็อคเกอร์บริการเยอะมากเป็นร้อยตู้ได้ เนี่ยคนญี่ปุ่นเขาคิดไว้แล้ว ว่าคนมาเที่ยวเยอะ ก็ต้องมีบริการให้พร้อม

ออกไปหน้าสถานี จะเป็นป้ายรถเมล์ จะมีเจ้าหน้าที่ยืนถือป้ายรอเลยว่า ป้ายนี้ไปดูซากุระ นะ ค่ารถเมล์ 100 เยนต่อเที่ยว ทุกสาย ตลอดเส้น ใช้เวลา 1o นาทีก็ถึงสวนฮิโรซากิแล้ว รถเมล์สาย 1 จะไปจอดบริเวณ East Gate / สาย 2 จอด Otemon Gate กับ City Hall

แผนที่ชมซากุระรอบสวนฮิโรซากิ ทำไว้ละเอียดดีมาก แถมแบ่งระยะบานของซากุระให้ดูด้วย แผนที่รับได้ที่ Information ที่สถานี

อีกด้านอธิบายคำถามต่างๆ กับซากุระพันธุ์อื่นๆนอกจาก Somei Yoshino

รูปแผนที่และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮิโรซากิ จาก http://www.hirosaki-kanko.or.jp

พอถึงแล้วแค่หน้าทางเข้า East Gate ก็เจอซากุระบานเต็มแล้ว เป็นพันธุ์ Somei Yoshino พันธุ์ที่เราเห็นมากที่สุดในญี่ปุ่น กลีบดอกจะสีขาว ข้างในแกมชมพู

รอบคูน้ำ กลีบดอกเริ่มร่วงแล้วแต่ยังไม่มาก แค่นี้ก็สวยมากแล้ว

ซากุระพันธุ์ย้อย สีชมพูสด สวยมาก

เข้ามาถึงบริเวณสวนด้านบน เป็นแถวที่คนมาปูเสื่อชมซากุระกัน ดูรูปกันยาวๆเลยดีกว่า สวยมาก อยากให้เห็นด้วยตาตัวเอง

พันธุ์ย้อยต้นใหญ่

เดินเข้ามาต่อบริเวณคูน้ำด้านใน

ต้นซากุระพันธุ์ Somei Yoshino ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอายุมากกว่า 300 ปีแล้ว ต้นใหญ่สูง 9 เมตร

มาตรงสะพานแดง จุดถ่ายรูปยอดนิยม ปกติจะมีปราสาทฮิโรซากิตั้งอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ย้ายไปเพื่อซ่อมกำแพงคูเมืองข้างใต้ปราสาทก่อนย้ายกลับมาที่เดิม เออ ญี่ปุ่นมันย้ายปราสาททั้งหลังเลย

ดูรูปกันไป ไม่ต้องอธิบายความสวยมาก

ปราสาทฮิโรซากิ เข้าไปด้านเขตปราสาทต้องเสียค่าเข้าคนละ 300 เยน ถ้าแบบเข้าชม 3 สถานที่ในสวน 510 เยน ซึ่งจริงๆ เสียค่าเข้าบริเวณปราสาทก็พอแล้ว

ถ้าฟ้าใสมากๆ จะเห็นภูเขา Iwaki ด้านหลังปราสาทเลย

รอชมวิวพระอาทิตย์ตก ฉากหลังเป็นเขา Iwaki

ชมคุณลุงเล่นดนตรีพื้นเมืองของฮิโรซากิให้ฟัง เรียกว่า Shimasen

พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว พร้อมอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 10 กว่าองศา เตรียมชุดกันหนาวให้ดีเลย

พอมืดก็เริ่มเปิดไฟ จะเปิดยาวๆทั้งคืนเลย

ลงมาที่ด้านหลังเป็นแม่น้ำ ตอนกลางวันจะมีคนพายเรือกันเต็ม กลางคืนเป็น Lightup ตลอดริมน้ำสวยมาก

แน่นอนว่าช่วงเทศกาลต้องมีร้านพวก ยาไต(Yatai) มาเปิด ยาไตก็แปลว่า แผงลอย

ใครเคยดูมังงะ หรือหนังญี่ปุ่น คงคุ้นเคยกับภาพเทศกาลอย่างดี

ตอนกลางคืนก็ยังไม่เลิกชมซากุระกัน ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ ยิ่งกินหนักขึ้น

ของกินบาน

บ้านผีสิงก็มี ดูไปคล้ายๆบ้านเมียงูบ้านเรานั้นแหละ

ร้านนี้คนเยอะมาก เป็นบุกก้อนใหญ่ต้มในโชยุ 100 เยนเท่านั้น อร่อย

ปกติคนญี่ปุ่นจะซื้อของกิน แล้วต้องหาที่นั่งหรือไม่ก็ยืนอยู่กับที่แล้วกิน แต่ช่วงเทศกาลเป็นข้อยกเว้น เดินไปทานไปได้ แต่ก็จุดแอบมุมให้นั่งทานได้เหมือนกัน

แต่เราพบปัญหาคือถังขยะน้อยมาก จะตั้งเป็นจุดๆเท่านั้น เดินค่อนข้างไกล เราเลยมองคนญี่ปุ่นเขาทำยังไง คือเขาก็ซื้อแล้วทานตรงนั้นเลย พอหมดก็ฝากร้านที่ซื้อทิ้งขยะนั้นแหละ มารยาทการทิ้งขยะคนญี่ปุ่นดีมาก

ของกินเต็ม ของทะเลก็เยอะ เพราะใกล้ทะเลมาก

Odate

ประมาณ 2 ทุ่ม เราออกจาก Hirosaki ไปโรงแรมของที่เมือง Odate เรานอนเมืองนี้เพราที่พักเมือง Aomori และ Hirosaki เต็มหมดเลยเหลือก็แต่ราคาแพงเกินไป เราเลยมานอนห่างออกจากเมือง Hirosaki 1 ชั่วโมง แล้วเมือง Odate อยู่ในเขตของเมือง Akita ด้วยไม่ใช่ Aomori อ๊าวข้ามจังหวัดไม่รู้ตัว

แต่เรามาค้นพบความเจ๋งของเมืองเล็กๆนี้คือ เป็นแหล่งกำเนิดของสุนัขพันธุ์ฮาคิตะ ทุกคนน่ารู้จักฮาจิโกะ อย่างดี ที่เป็นรูปปั้นที่ชิบูย่า นั้นแหละ ฮาจิโกะ เกิดที่เมืองนี้! ทั้งเมืองเลยมีสัญลักษณ์เป็นหมาพันธุ์อาคิตะ

มีศาลเจ้าสุนัขพันธุ์อาคิตะ ด้วย

Route Inn Odate

เราได้มานอนที่โรงแรม Route Inn Odate เป็น Budget Hotel ที่มีสาขามากที่สุดในญี่ปุ่นคือจะเจอทุกเมืองเลยก็ว่าได้ ข้อสำคัญของโรงแรม Route Inn คือทุกสาขาออกแบบตัวโรงแรม และห้องเหมือนกันหมด และอาหารเช้าดีงามมาก แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับการพักผ่อน

ห้อง Double Bed Non Smoking

ขนาดกำลังพอดี ตามสไตล์คนญี่ปุ่น ใครมาญี่ปุ่นบ่อยๆ คงรู้ว่าห้องพักญี่ปุ่นจะเล็กมาก อันนี้ถือว่าใหญ่แล้ว มีพื้นที่วางกระเป๋าแล้วเดินผ่านได้ ฮาๆ

ห้องน้ำตามสไตล์ Route Inn ชอบเครื่องอาบน้ำเขาใช้ของอย่างดี

บรรยากาศห้องโดยรวม โอเคเลยสะอาดมาก

Day 2 รถไฟสายซากุระ

บรรยากาศเมือง Odate ตอนเช้า สวยมาก

รามาที่หน้าสถานี มีรูปปั้นสุนัขพันธุ์อาคิตะอยู่เต็ม สุนัขพันธุ์อาคิตะ คนไทยจะสับสนเรียกว่าชิบะ แต่จริงอาคิตะ ตัวใหญ่กว่ามาก ขนาดพอๆ โกลเด้น หรือ ลักษณะคล้ายบางแก้วบ้านเรา นิสัยก็รักเจ้าของแบบบางแก้ว เลย ชอบน่ารักมาก

รูปปั้นของฮาจิโกะ แบบเดียวกับที่ชิบูย่า

หันหน้าเข้าไปที่สถานี Odate เหมือนรอเจ้าของตามเรื่องราวของฮาจิโกะ

แผนวันนี้เราเดินทางไปแหล่งชมซากุระ Ashino Park เราต้องไปลงที่เมือง Goshogawara แล้วไปอีกสถานีเป็นของ Tsugaru รถไฟสายท้องถิ่น เราต้องจ่ายเงินอีก 640 เยน เพราะไม่ใช้ของ JR ไม่เกี่ยวกับ Pass

ของดีของจังหวัดอาโอโมริ คือแอปเปิ้ล แล้วจะมีน้ำแอปเปิ้ลยี่ห้อดัง ภาพบนฉลากก็คือวิวนี้นั้นเอง ที่สวนแอปเปิ้ลรอบเมือง Goshogawara เห็นวิวเป็นเขา Iwaki ด้านหลัง สวยมาก ดอกแอปเปิ้ลจะบานหลังจากซากุระร่วง 1 สัปดาห์ ใครมีเวลาก็มาชมได้ สวยเหมือนกัน

ถึงสถานี Goshogawara แล้วจะเห็นตึกสูงๆข้างสถานี เขาเอาไว้ใส่โคมไฟยักษ์  Tachineputa โคมไฟสู 20 เมตร จะมีงานเทศกาลทุกปีช่วงต้นสิงหาคม

มาที่สถานี TsugaruGoshogawara สถานีวินเทจมาก อยู่ด้านซ้ายติดกับสถานี JR Goshogawara เลย มาซื้อตั๋วกับป้าราคา 640 เยน

ถัดไปอีก 2 สถานีเป็นโรงเรียน เลยจะมีนักเรียนมารอรถไฟเยอะช่วงเช้า

ระหว่างทางก็ชมเขา Iwaki ไป

แวะจอดที่สถานีระหว่างทาง 5 นาทีลงไปถ่ายรูปซากุระได้

แล้วก็มาถึงแล้วสถานี Ashinokouen พร้อมลอดผ่านอุโมงค์ซากุระ

รถไฟจะมาทุก 1 ชั่วโมง ระหว่างรอขบวนถัดไปก็ไปเดินที่สวนก่อน

เดินผ่านทางรถไฟสวย อย่าดราม่าเรื่องถ่ายกลางทางรถไฟนะ ฮาๆ เขามีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแล และกั้นทางให้ช่างภาพถ่ายรูปเลย เวลารถไฟมาก็จะกันคนให้พ้นทางรถไฟ

บรรยากาศสวน Ashino เป็นสวนขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มาก

ปั่นเป็ดที่บึงได้

ทางเดินอุโมงค์ซากุระ

มีแผงลอย แต่จะเปิดร้านช่วงเที่ยง มาเช้าเลยยังไม่เปิดกัน

ถึงเวลาพระเอกของเรามาแล้ว

คนรอถ่ายรูปเพียบ

ขากลับจะมาก่อน แล้วขามาจะมาหลังจากนั้น 10 นาที สวยมากกกก แบบซากุระบานเต็มที่พอดี ซากุระที่นี้จะบานพร้อมกับฮิโรซากิเลย

มุมพีค

ด้านข้างของสถานีรถไฟ จะมีคาเฟ่ที่ทำจากสถานีดั้งเดิม น่ารักมาก


กลับแล้ว ดูจำนวนคนที่มารอถ่ายรถไฟ เยอะมาก เรามาแต่เช้าคนยังไม่เยอะเท่านี้

Goshogawara

เรากลับมาเที่ยวที่เมือง Goshogawara มาเที่ยว Tachineputa Museum เป็นที่เก็บโคมไฟยักษ์และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโคมไฟยักษ์นี้ ที่เห็นในรูปกระจกสามารถเลื่อนเปิดได้แล้ว แล้วเข็นโคมไฟยักษ์ออกมา อย่างกับโรงงานหุ่นยนต์

อันนี้แบบไซส์ย่อ

ไปเจอของจริง อลังการงานสร้างมาก

สูงซะ อยากเห็นตอนงานเทศกาลเลย

ข้างในพิพิธภัณธ์จะเก็บไว้ 3 โคมแต่ละโคมใช้เวลาทำ 1 ปี และโชว์ 3 ปี พอครบแล้วก็จะทำลายทิ้งไปตามลำดับเอาของใหม่มาแทนที่ไปเรื่อยๆ

ดูความละเอียดของงาน

ภาพร่างต้นแบบ

ขึ้นมาด้านบนจะเห็นกำลังทำโคมยักษ์อันใหม่ จะทำแยกเป็นส่วนๆแล้วมาประกอบเข้าด้วยกัน

ประทับตราซักหน่อย

เราออกมาด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ เดินไปด้านขวาจะเจอร้านไทยากิชื่อดังของเมืองนี้ ไทยากิ ก็ขนมปลาไส้ถั่วแดง ไง แต่ความพิเศษคือมีเอาไปทอดอีกรอบด้วย ทำให้มีความกรอบนอกนุ่มใจ อร่อยมาก

ดูลุงเจ้าของร้าน แกทำเองโดยใช้เครื่องมือแบบรุ่นเก่าทีละชิ้นๆไปเรื่อยๆ

โรยน้ำตาลอีกบางๆ เพราะไส้ของที่นี้จะไม่หวานมาก แป้งออกรสจืด แต่เหนียวนุ่ม มีความกรอบบางๆจากการทอด อร่อย!

เราเดินมาทานอาหารกลางวันต่อที่ Toka Ton Ton Square

เป็นราเมน เห็นเมืองนี้คนไม่เยอะ แต่ร้านนี้คิวเต็มนะ ต้องรอแปปหนึ่ง

เป็นราเมนหอยตลับซุปโชยุ หอมมาก ซุปแบบกลมกล่อม อร่อยแบบว่ามาแวะเมืองนี้ก็มาทานเหอะ คุ้มค่ามาก ชาชูก็ย่างถ่านมาแบบหอมกำลังดี ชอบมาก

ตอนบ่ายเรากลับมาที่ฮิโรซากิกันต่อ เพื่อถ่ายรูปซากุระช่วงกำลังร่วงแล้ว

วันนี้เรานั่งบัสสาย 2 มาลง City Hall เพื่อขึ้นด้านบนชมวิวซากุระกับเขา Iwaki อีกด้านหนึ่งได้

วันนี้ซากุระเริ่มร่วงเยอะขึ้นแล้ว สวย

ให้เดินไปรอบๆคูเรื่อยจะเจอจุดที่กลีบซากุระไหลมารวมกันจนเป็นพรมซากุระไปเลย สวยมาก

เมื่อวานตรงนี้ยังเห็นเป็นน้ำอยู่เลย

มีรถลากแบบโบราณ บริการลากชมซากุระอยู่ด้วย

เราเข้าไปชมด้านในอีกรอบ

วันนี้ซากุระเริ่มโปรยลงน้ำ สวยมากกกกก

นั่งเรือชมซากุระ

มีมุมลับด้วย สามารถมองเป็นรูปหัวใจได้ อยู่แถว Civic Square

เดินมาที่แม่น้ำ เจอคนพายเรือเป็นคู่ๆ เยอะเลย ฆ่าคนโสดชัดๆ

สวยยยยย ชมบรรยากาศยาวๆไป

แวะมาหาอะไรกินกันต่อ ร้านนี้ขายข้าวโพดทอด ที่เขาบอกว่ามีขายเฉพาะที่อาโอโมริเท่านั้น อร่อยหวานกรอบ

ดังโงะ มีหลายรสมาก ชอบอร่อย ไม่หวานมาก ดังโงะต้องกินย่างใหม่ๆแบบนี้ถึงอร่อย

ปลาหมึกย่างก็ดี

ชมซากุระพันธุ์ซ้อน พันธุ์นี้จะอยู่ทนที่สุด แต่ก็บานช้าสุดเช่นกัน

ออกมาชมพรมดอกซากุระกันต่อ สวยมากจริงๆ ถ้าอยากชมช่วงพรมซากุระให้มาหลังจาก Full Bloom 2 วันจะเห็นเต็มไปทั่วคูน้ำ

ดูความงามมมมม

จบแล้วกับ 2 วันที่ฮิโรซากิ สวยแบบไม่คิดเลยว่าจะสวยขนาดนี้ มาชมรีวิวการเดินทางกันต่อตอนหน้านะ ะ

ขอบคุณ

Facebook
Pinterest
Twitter
แอด อ้น

แอด อ้น

แอดอ้น แอดมินเพจ Go!Graph Japan เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากกว่า 50 ครั้ง ไปเกือบทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว งอกทริปไปญี่ปุ่นเก่ง สามารถให้คำตอบวิธีเที่ยวญี่ปุ่นได้หลายแบบ ความสามารถแลกเงินเยนเมื่อไร เงินเยนลดทันที