หากเอ่ยถึงกระแสสวนสนุกเปิดใหม่ที่กำลังเป็นที่พูดถึงทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติก็คงไม่พ้น “JUNGLIA Okinawa” สวนสนุกในรูปแบบธีมพาร์คขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 375 ไร่ภายในเกาะโอกินาว่า (Okinawa) โดยที่นี่เปิดให้บริการไปตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมาท่ามกลางกระแสตอบรับอันอย่างล้นหลาม
จุดเด่นของสวนสนุกแห่งนี้คือเน้นบรรยากาศธรรมชาติที่ผสมผสานความตื่นเต้นจากการผจญภัยตะลุยโลกธีมไดโนเสาร์และความงดงามของป่าเขตร้อนของโอกินาว่าได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ที่นี่ยังไม่ได้มีแค่โซนสวนสนุกเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีโซนสปาที่ทุกคนจะได้ผ่อนคลายไปกับออนเซ็นและสปาหรูพร้อมวิวสุดอลังการกันอีกด้วย ครั้งนี้เราก็จะพาทุกคนไปสัมผัสกับบรรยากาศของจริงกันค่ะว่าทั้งโซนสวนสนุกและสปาแห่งนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง
ข้อมูลพาสต่างๆ และบัตรจอดรถของ JUNGLA Okinawa
อันดับแรกเราจะขอแนะนำถึงราคาพาสกันก่อนค่ะ ที่ JUNGLIA Okinawa นั้นแตกต่างจากสวนสนุกที่อื่นคือมีการแบ่งราคาพาส 1-Day Ticket เป็นสำหรับผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (General Admission) และผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (Domestic Residents) ฉะนั้นแม้ว่าจะเป็นชาวต่างชาติแต่ถ้าอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นก็สามารถซื้อบัตรได้ในราคา Domestic Residents ได้เช่นเดียวกัน (แต่ต้องมีเอกสารยืนยัน เช่น บัตรไซริวการ์ด เป็นต้น)
- ราคารวมภาษีแล้วคือราคาตัวเล็กที่มีเขียนว่า tax incl. กำกับ / เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีเข้าฟรี
- ราคาพาส 1-Day Ticket ไม่รวมค่าพาสเสริม Premium Pass ที่ช่วยลดเวลาเข้าคิวหรือใช้จองคิวเครื่องเล่นหรือกิจกรรมต่างๆ
ในส่วนของราคาโซนสปาเองก็ต้องซื้อบัตรเข้าใช้บริการต่างหากค่ะ ใครจะซื้อแบบเหมารวมทั้งสวนสนุกและสปาเลย หรือจะซื้อแยกเฉพาะโซนสปาอย่างเดียวก็ได้อีกเช่นเดียวกัน โดยราคาสำหรับชาวต่างชาติอยู่ที่ 3,080 เยนสำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีเป็นต้นไป) และ 1,870 เยนสำหรับเด็ก (อายุ 4-11 ปี) หากอายุต่ำกว่า 3 ปีเข้าฟรี
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาสต่างๆ ดูได้จาก https://junglia.jp/en/ticket
และสุดท้ายนี้ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับใครที่เช่ารถขับเที่ยวโอกินาว่าล่ะก็อย่าลืม “ซื้อบัตรจอดรถ” ไว้ล่วงหน้ากันด้วยนะคะ บัตรจอดรถหน้าสวนสนุกอยู่ที่คันละ 2,000 เยน ซึ่งเราจะได้เป็น QR Code มาหลังจากชำระเงิน และต้องโชว์ให้กับทางสต๊าฟด้านหน้าก่อนถึงจะนำรถเข้าไปจอดในสวนสนุกได้ค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรจอดรถ ดูได้จาก https://junglia.jp/en/access
สรุปสำหรับช่องทางการซื้อพาสและบัตรจอดรถ สามารถซื้อได้ทั้งจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการหรือเว็บตัวแทนอย่าง Klook, KKday และ Trip.com Group ครั้งนี้เราก็ได้ซื้อผ่าน Klook ซึ่งสะดวกเพราะมีภาษาไทยใช้งานง่าย มีหลากหลายแพคเก็จให้ได้เลือก รวมไปถึงบัตรจอดรถเลย ขอแนะนำเลยค่ะ
ซื้อบัตรผ่าน Klook ได้จาก http://go.gographjapan.com/TakZCQ
เท่านั้นยังไม่พอค่ะ ใครที่จะเดินทางมาเที่ยวก็อย่าลืมโหลดแอพพลิเคชัน JUNGLIA Okinawa เตรียมกันไว้ด้วยนะคะ เพราะเราสามารถดูคิวเครื่องเล่น จองร้านอาหารและมีอีกหลายฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น
- Google Play: https://play.google.com/store/apps/details?id=jp.junglia.app&hl=th
- Apple: https://apps.apple.com/jp/app/junglia-okinawa-official-app/id6745585445?l=en-US
การเดินทางสู่ JUNGLA Okinawa
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าสวนสนุกแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองนาโกะ (Nago) ซึ่งห่างจากโซนเมืองหลวงอย่างนาฮะ (Naha) พอสมควร ดังนั้นเราขอสรุปวิธีการเดินทางดังนี้
- สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ : จากสนามบินนาฮะ (Naha Airport) ให้นั่งรถบัส Junglia Express ได้เลยจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด มีรอบประมาณ 8 เที่ยวต่อวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที ค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่เที่ยวละประมาณ 2,500 เยนต่อคน (เด็กครึ่งราคา)
- มีบริการรถบัสรับส่งจาก Nago City Hall, Churaumi Aquarium, และโรงแรมพันธมิตรกับทางสวนสนุก เช่น Oriental Hotel Okinawa Resort & Spa, Orion Hotel Motobu, และ Kanucha Resort (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- สำหรับใครที่เช่ารถขับ : จากสนามบินนาฮะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หากไม่มีรถติด (อาจนานถึง 2 ชั่วโมงในช่วงการจราจรหนาแน่น) กรณีที่ไม่อยากเสียค่าจอดรถหน้าสวนสนุกเพิ่ม สามารถจอดฟรีที่ AEON Nago (ไม่ต้องจองล่วงหน้า) แล้วขึ้น Shuttle Bus ฟรีนั่งต่อไปอีกประมาณ 35 นาที
เตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมไปกับการเข้าสู่โลก JUNGLIA Okinawa
เกริ่นกันมาเยอะแล้วเราไปชมบรรยากาศจริงๆ กันดีกว่าค่ะ เมื่อเดินเข้ามาถึงทางเข้าด้านหน้าเราจะพบกับแลนด์มาร์กป้าย JUNGLIA Okinawa ขนาดใหญ่เลย บรรยากาศภายในสวนสนุกก็ตามที่ได้เอ่ยไปข้างต้นว่าเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังตะลุยเข้าไปในป่าจริงๆ
ใครที่กลัวว่าแดดจะร้อนไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะที่นี่มีจุดให้ยืมร่มฟรีวางไว้หลายจุดภายในสวนสนุกเลย และด้วยความที่เราไปในช่วงที่สวนสนุกเพิ่งเปิดนักท่องเที่ยวจึงเยอะมากๆ แต่เหล่าสต๊าฟก็ให้บริการและยิ้มแย้มกันอย่างเต็มที่
เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในเราจะพบกับแลนด์มาร์กซึ่งเป็นจุดชมวิวและจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่เราสามารถชมความยิ่งใหญ่ของสวนสนุกได้แบบพาโนรามากันเลยทีเดียว โดยเราจะเห็นทั้ง HORIZON BALLOON หรือบอลลูนยักษ์หนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่พร้อมกับไดโนเสาร์คอยาวตัวใหญ่มาก เพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปอีก
DINOSAUR SAFARI : ซิ่งรถหนีไดโนเสาร์ เครื่องเล่นไฮไลท์ที่มาแล้วห้ามพลาด!
อันดับแรกขอเปิดด้วยเครื่องเล่นไฮไลท์กันก่อนเลยกับ “DINOSAUR SAFARI” จุดเด่นของเครื่องเล่นนี้คือเราจะนั่งรถออฟโรดผจญภัยเข้าไปในป่าเขตร้อนท่ามกลางเหล่าไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ แน่นอนว่าต้องเราจะได้เจอกับ T-Rex พระเอกของงานนี้อีกด้วย บรรยากาศทุกอย่างได้จำลองเหตุการณ์เหมือนกับฉากหนีไดโนเสาร์ตามภาพยนตร์ฮอลีวูดเลย เครื่องเล่นนี้ใช้เวลาประมาณ 17 นาทีซึ่งถือว่ามีระยะเวลายาวกว่าเครื่องเล่นอื่นๆ ทั่วไปตามสวนสนุก (ข้างในไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ เราจึงขอใช้เฉพาะรูปที่ถ่ายจากข้างนอกแทนนะคะ)
รถออฟโรดหนึ่งคันบรรจุได้ประมาณ 12 คน ส่วนตัวแล้วจุดที่ชอบคือเราได้ตะลุยเข้าป่าสัมผัสกับเหตุการณ์แบบสมจริงไม่ใช่แค่นั่งชมผ่านหน้าจอเฉยๆ ทั้งสต๊าฟที่คอยบิ๊วตลอดเวลา มีเอฟเฟ็กต์ลมฝน (แต่ตอนเราไปฝนตกจริงๆ ทำให้บิ๊วอารมณ์ขึ้นไปอีก) พร้อมกลิ่นอายของยุคไดโนเสาร์
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเทคนิคการขับรถที่ซิ่งสุดๆ ทำให้ทุกคนตื่นเต้นกันอย่างมาก (หากใครคิดภาพไม่ออกให้นึกถึงเวลาเรานั่งรถกระบะขึ้นดอยที่จะมีการเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแบบนั้นค่ะ) จะมีบางช่วงที่เราอาจจะเปียกเล็กน้อย และระหว่างทางจะมีบางจุดให้เราลงจากรถด้วย ใครที่ชื่นชอบไดโนเสาร์เป็นเดิมทุนอยู่แล้วขอแนะนำให้มาลองเครื่องเล่นนี้เลย
※ เนื่องจากเครื่องเล่นนี้ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ หากใครไม่อยากรอคิวนานขอแนะนำให้ซื้อ Premium Pass เพิ่มเพื่อลดเวลารอคิว หรือรีบวิ่งมากดคิวเครื่องเล่นนี้ก่อนเลย
FINDING DINOSAURS : สนุกได้ทั้งครอบครัว ตามหาลูกไดโนเสาร์ที่หายไป
เครื่องเล่นต่อไปที่เราจะพูดถึงนั้นเป็นเครื่องเล่นที่เด็กน้อยก็สามารถเล่นได้กับ “FINDING DINOSAURS” โดยเราจะได้รับภารกิจให้เราช่วยตามหาเจ้าไดโนเสาร์ตัวน้อยที่หลงอยู่ในป่า สต๊าฟจะเป็นคนนำทางเราตลอดเวลา ใครที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราสามารถขอเครื่องแปลภาษาจากสต๊าฟได้
ระหว่างทางเราจะได้พบกับน้องไดโนเสาร์แสนน่ารักตลอดทาง ไปพร้อมกับการผจญภัยไม่ว่าจะเป็นการผ่านอุโมงค์ต้นไม้ เดินข้ามสะพานแขวน ขับรถรางด้วยตนเอง และปิดท้ายที่ตะลุยเข้าไปในถ้ำอันมืดมิดซึ่งเป็นไฮไลท์ของเครื่องเล่นนี้ คิดว่าน้องๆ หนูๆ น่าจะชอบ ระยะเวลาโดยรวมของเครื่องเล่นนี้ประมาณ 14 นาที
TAM TAM TRAM : ขึ้นรถรางสายตื๊ด พร้อมดีเจที่ช่วยเพิ่มเอเนอจี้ตลอดการเดินทาง
สำหรับใครที่เริ่มเมื่อยล้าขาหรือขี้เกียจเดิน เราขอแนะนำให้นั่งรถราง “TAM TAM TRAM” เลยค่ะ จุดเด่นของรถรางคันนี้ไม่ใช่แค่จะพาเราไปส่งตามจุดต่างๆ เพียงอย่างเดียว เพราะทุกคันจะมีดีเจคอยเอนเตอร์เทนตลอดจนสุดสาย เรียกได้ว่าคึกคักสุดๆ นอกจากนี้แต่ละที่นั่งจะมีเครื่องดนตรีหลายประเภทจัดเตรียมไว้ให้เราได้ร่วมสนุกกับดีเจด้วย
HORIZON BALLOON : ลอยสูงเหนือผืนป่า เหินเวหาชมวิว 360 องศาด้วยบอลลูนยักษ์แห่ง JUNGLIA Okinawa
อันดับต่อไปจริงๆ น่าเสียดายที่เราไม่ได้มีเวลาขึ้น แต่ก็อยากพูดถึงเพราะเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่กับ “HORIZON BALLOON” เป็นบอลลูนสีครีมขนาดยักษ์ประมาณ 23 เมตรสามารถบรรจุคนได้ประมาณ 20 คน โดยบอลลูนนี้จะพาคุณขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงอันแสนตระการตาด้วยความสูงกว่า 200 เมตรจากพื้น ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีต่อรอบ
จากที่ได้สอบถามกับทางสต๊าฟมาบอลลูนยักษ์นี้จะเปิดให้บริการได้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและแรงลมในแต่ละวัน ดังนั้น ถ้าวันไหนโชคดีคุณอาจได้มีโอกาสชมวิวอันแสนคุ้มค่าแบบไม่เหมือนใครนะคะ
JUNGLIA EXTREMES : เอาใจคนรักการผจญภัย โซนคนชอบผาดโผนและความท้าทาย
อันดับต่อไปเราขอไปพูดถึงเหล่าเครื่องเล่นแอดเวนเจอร์กันบ้างดีกว่ากับโซน “JUNGLIA EXTREMES” ซึ่งจะเป็นโซนที่รวบรวมเครื่องเล่นหวาดเสียวหลายชนิด ได้แก่
- SKY PHOENIX – Zipline แบบนอนที่ให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นนกฟีนิกซ์บินผ่านป่า
- BUNGEE GLIDER – เครื่องเล่นคล้ายบันจี้จัมพ์ที่จะพาคุณตกลงมาพร้อมกับการลอยตัวในอากาศ ด้วยความเร็วและความสูงที่น่าตื่นเต้น
- TITAN’S SWING – ชิงช้ายักษ์ที่แกว่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหนือผืนป่าดงดิบ ให้ความรู้สึกเหมือนการพุ่งทะยานในอากาศ
- GRAVITY DROP – เครื่องเล่นที่จะพาคุณตกลงมาจากที่สูงอย่างรวดเร็วตามแรงโน้มถ่วงโลก
- SKY-END TREKKING – การเดินข้ามสะพานแขวนสูงเหนือพื้นดิน สร้างความตึงเครียดและความตื่นเต้นที่เกินจินตนาการ
- TREE-TOP TREKKING – เหมือนกับเครื่องเล่นข้างบนแต่มีความสูงและความ Challenge น้อยกว่า เด็กก็สามารถเล่นได้
- HUMAN ARROW – เครื่องเล่นที่จะดีดตัวพาร่างกายของคุณพุ่งทะยานสู่ฟ้าแล้วดึงย้อนกลับอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นมนุษย์ยางยืด
อันดับแรกเราต้องลงทะเบียนข้อมูลตรงฝ่าย Reception ก่อน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มาติดตั้งอุปกรณ์ Safety พร้อมหมวกนิรภัยให้ และเราต้องนำกระเป๋าหรือของมีค่าไปฝากล็อกเกอร์ที่ได้จัดเตรียมไว้ จากนั้นถึงจะแยกไปยังเครื่องเล่นต่างๆ ได้
※ สำหรับสาวๆ ที่สนใจมาเล่นโซนนี้ขอแนะนำให้ใส่กางเกงกับรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่มีสายรัดให้เรียบร้อยนะคะ
ส่วนใครที่ไม่สันทัดกับการเล่นเครื่องเล่นประเภทดังกล่าว ระหว่างรอก็สามารถชมมินิโชว์จากเหล่าสต๊าฟได้เช่นเดียวกัน โดยโชว์นี้ผู้เข้าชมก็สามารถเข้าไปร่วมสนุกด้วยได้ สต๊าฟแต่ละคนเอเนอจี้ดีมาก เอนเตอร์เทนนักท่องเที่ยวกันแบบเต็มที่เลย
SKY PHOENIX : นอนโหน Zipline สัมผัสวิวจากมุมสูง โบยบินดังนกฟีนิกซ์
SKY PHOENIX เป็นเครื่องเล่นหนึ่งในไฮไลท์สำหรับโซนนี้ที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็น Zipline ชมวิวที่ไม่หวาดเสียวจนเกินไป แม้แต่เด็กเองก็สามารถเล่นได้ ซึ่งเราจำเป็นจะต้องเดินขึ้นไปยังหอคอยสูงตามแผนที่ที่เราได้แนบรูปเอาไว้ด้านบน (เครื่องเล่น SKY PHOENIX และ BUNGEE GLIDER อยู่จุดเดียวกัน)
หลายคนอาจจะเริ่มหวั่นใจเพราะตอนแรกที่เริ่มออกตัวเราจำเป็นจะต้องนอนลงให้เป็นท่าเดียวกับนก แต่ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะเพราะสต๊าฟเองจะดูแลและให้คำแนะนำเราอย่างใกล้ชิด ทันทีที่ออกตัวเราจะได้เห็นวิวรอบทิศแบบเต็มอิ่มกันเลยทีเดียว
ในส่วนของเครื่องเล่นอื่นๆ เราไม่ได้มีเวลามากพอที่จะเก็บครบเลยไม่สามารถบรรยายได้ว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร จึงขอเก็บแค่ภาพบางส่วนมาฝากนะคะ
เก็บตกชมโชว์ ชิม ช็อปใน JUNGLIA Okinawa
JUNGLIA SPLASH FES
เครื่องเล่นหลักๆ ก็มีประมาณนี้ตามที่เราได้นำเสนอไป ต่อไปเราจะขอแนะนำโซนโชว์กันบ้างดีกว่า “JUNGLIA SPLASH FES” เป็นโชว์ที่จัดขึ้นในช่วงเวลาเวลา 12:00 น. และ 13:30 น. ที่โซน BREEZE ARENA เรียกได้ว่าเป็นโชว์ที่คลายร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากมีแสงสีเสียงจัดเต็มแล้ว ยังมีการฉีดน้ำไปที่ผู้ชมเหมือนกับเล่นสงกราต์อีกด้วย โดยโชว์หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 20 นาที
PANORAMA DINING
ในส่วนของร้านอาหารภายในสวนสนุกแบ่งเป็น 2 จุดคือร้านอาหารในร่มและแบบกลางแจ้ง โดย “PANORAMA DINING” เป็นร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์ซาฟารีเสิร์ฟเมนูอันแสนหรูหรานั่งในห้องแอร์ หรือใครที่ชอบถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่ก็มีโซน Terrace ซึ่งที่นั่งดีไซน์ในรูปแบบรังนกเหนือยอดไม้ (ที่นั่งรังนกต้องจองล่วงหน้า มีค่าโต๊ะเพิ่มอีก 2,000 เยน)
WILD BANQUET
ใครที่ไม่อยากนั่งรับประทานในร้านอาหารก็ยังมี “WILD BANQUET” เป็นโซนกลางแจ้งที่เราต้องสั่งอาหารจากข้างนอกคล้ายกับฟู้ดคอร์ท บรรยากาศของที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ในบริเวณนั้นตกแต่งแบบรีสอร์ทกลางป่า ครั้งนี้เราได้ลองสั่งเมนูเบอเกอร์และเคบับมา ปริมาณให้ใหญ่จุใจมากค่ะ
หลายๆ คนอาจจะมองหาของหวานๆ เย็นๆ คลายร้อนกัน ที่นี่เองก็มีเมนูน้ำแข็งใสปั่นละเอียดรสมะม่วงราดด้วยท็อปปิ้งแก้วมังกร หรือเป็นเครื่องดื่มเยลลี่ที่ตกแต่งในโทนสีฟ้าเขียวราวกับปุยเมฆ อร่อย ถ่ายรูปสวยและดับกระหายได้เป็นอย่างดี
VILLAGE BAZAAR
อุตส่าห์มาถึงสวนสนุกแดนไกลอย่างเกาะโอกินาว่าทั้งทีจะไม่ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปก็คงน่าเสียดายสักหน่อย “VILLAGE BAZAAR” เป็นร้านขายของที่ระลึกที่รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่พร็อพที่คาดผม หมวก กิ๊บเก๋ๆ เสื้อลายไดโนเสาร์สุดเท่ ตุ๊กตา ของจิปาถะไปจนถึงของกินของใช้เลย แต่ละชิ้นก็ราคาไม่แพงเกินไป คุณภาพสมราคาอยู่ค่ะ
SPA JUNGLIA : ผ่อนคลายความเหนื่อยล้ากับสปา แช่ออนเซ็นกลางธรรมชาติ
คาดว่าหลายคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้น่าจะเต็มอิ่มกันสุดๆ กับโซนสวนสนุกกันไปแล้ว เราขอย้ายจุดไปพูดถึงโซนสปากันบ้างดีกว่ากับ “SPA JUNGLIA” ที่ได้ชื่อว่ามีความหรูหราอลังการระดับโลกกันเลยทีเดียว แต่สปาที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ภายในสวนสนุกนะคะ เราต้องนั่งรถ Shuttle Bus ฟรีออกมาอีก ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ในหนึ่งวันมีรอบรถดังนี้
ถึงเราจะออกมาจากสวนสนุกแล้วแต่ก็สามารถกลับเข้าไปใหม่ได้เพียงแค่แจ้งสต๊าฟ เพื่อให้เค้าปั๊มแขนค่ะ
เมื่อมาถึงทางเข้าสปาเราจะพบกับอาคารขนาดใหญ่ท่ามกลางป่าเขตร้อนให้ความรู้สึกร่มรื่นและเงียบสงบ (หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงรีสอร์ทตามเกาะทางใต้ของไทย) เราสามารถเข้าไปตัวเปล่าได้เลย เพราะเขามีทั้งล็อกเกอร์และผ้าขนหนูจัดเตรียมให้เรียบร้อย
ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากจะใช้ผลิตภัณฑ์ Organic แล้วภายในห้องอาบน้ำยังมีบ่อหลากหลายประเภททั้งแบบในร่มและกลางแจ้งให้ได้แช่เปลี่ยนบรรยากาศ อาทิ บ่อถ้ำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกใต้ดิน บ่อออนเซ็นธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมผิวช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดียิ่งขึ้น บ่อแร่แคลเซียมสีขาวกลางแจ้ง อ่างจากุซซี รวมไปถึงห้องซาวน่าอีกด้วย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือบ่ออาบน้ำสาธารณะวิวอินฟินิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ทาง JUNGLIA Okinawa ภูมิใจนำเสนอ บ่อนี้ได้รับการรับรองโดย Guinness World Records™ คุณสามารถแช่น้ำพร้อมกับชมวิวผืนป่าอันเขียวขจีในอุทยานแห่งชาติยัมบารุ (Yambaru National Park) ที่ชาวโอกินาว่าภาคภูมิใจ
หลังจากที่ผ่อนคลายกับเข้าออนเซ็นและซาวน่ากันเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งรีบกลับนะคะ เพราะที่โซนสปาแห่งนี้มีร้านอาหารสุดหรูให้บริการอยู่ที่บริเวณชั้นหนึ่งด้วย เรียกได้ว่าสะดวกครบครันแถมยังอิ่มท้องกันสุดๆ
เมนูที่เราลองสั่งในครั้งนี้ได้แก่ Spa Tapas ที่ทำออกมาในรูปแบบพอดีคำ น่ารักมากๆ (ราคา 2,200 เยน) Roasted Iejima Hizakura Beef Marinated with Miso เนื้อวัวอันแสนนุ่มรสชาติดีเยี่ยม (ราคา 2,800 เยน) และ Chilled Pasta Tuna, Mozuku & Shikuwasa ที่รังสรรค์ได้ออกมาอย่างหรูหรา (ราคา 1,700 เยน)
ปิดท้ายกันด้วยการชมดอกไม้ไฟ JUNGLIA “HANABI”
ทุกคนคะอย่าเพิ่งคิดว่าเราจะจบทริปแค่เพียงเท่านี้ เพราะที่นี่เค้ามีการแสดงดอกไม้ไฟสุดตระการตาปิดท้ายกันด้วยนะคะ โดยเวลาจุดดอกไม้ไฟจะอยู่ที่เวลา 19.30 น. ก็จริงแต่เราขอแนะนำให้ไปรอดูตั้งแต่ช่วงเวลาพระอาทิตย์กำลังจะดีกว่า เพราะวิวยามเย็นท่ามกลางสายลมและแสงอาทิตย์อ่อนๆ สีส้มอมเหลืองมันสวยมากๆ แบบไม่โม้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังเลย
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรบ้างคะกับรีวิวสวนสนุก JUNGLIA Okinawa ฉบับจัดเต็มยาวจุใจและละเอียดขนาดนี้ ใครที่อ่านจนจบถึงตรงนี้ได้เก่งมากๆ เลยค่ะ JUNGLIA Okinawa นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสถานที่ท่องเที่ยวแนวใหม่ในเกาะโอกินาว่าเลย นอกจากนี้ ที่นี่เป็นสวนสนุกกลางแจ้งตามที่ได้เอ่ยไปก่อนหน้า ดังนั้น อย่าลืมทากันแดด พกน้ำดื่มและอุปกรณ์กันแดดไม่ว่าจะเป็นหมวก ร่ม แว่นตากันแดดหรือพัดลมมาให้พร้อมด้วยนะคะ ขอให้สนุกกับการผจญภัยในโลกธีมพาร์คแห่งใหม่นี้ ไว้พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ
อ่านบทความเกี่ยวกับท่องเที่ยวโอกินาว่าเพิ่มเติมได้จากที่นี่เลย! https://www.gographjapan.com/okinawa/